- @TOM NEWS
- Mar 2021
คำถามเรื่องเพศสภาพ ความห่วงใยจากพี่สาวในละครเวที เพลงนี้พ่อเคยร้อง
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ละครเวที “เพลงนี้พ่อเคยร้อง” | This Song Father Used to Sing (Three Days in May) เพิ่งกลับมารีสเตจให้ผู้ชมชาวไทยได้ดูกันอีกครั้ง หลังจากทำการแสดงครั้งแรกในปี 2015 ที่โรงละครพระจันทร์เสี้ยว แล้วกลับมาเล่นใหม่อีกครั้งในเวอร์ชั่นปี 2018 ที่บัฟฟาโล บริดจ์ แกลเลอรี่ และเดินทางต่อในปี 2019 ไปยังเทศกาล Kunstenfestivaldesarts ที่บรัสเซลส์, เทศกาล Wiener Festwochen ณ กรุงเวียนนา ต่อด้วยปี 2020 ณ เทศกาล Oslo Internasjonale Teaterfestival ณ โรงละคร Black Box Teater กรุงออสโล ประเทศนอรเวย์ ล่าสุดมีกำหนดเผยแพร่เวอร์ชั่นออนไลน์ ณ เทศกาล Kyoto Experiment ประเทศญี่ปุ่น ปลายเดือนมีนาคม และเตรียมเดินทางต่อไปฝรั่งเศสปลายปีนี้
“เพลงนี้พ่อเคยร้อง” เล่าเรื่องของสองพี่น้องที่กลับมานั่งคุยสัพเพเหระ อัพเดตชีวิตกันและกัน พลางรำลึกความหลังถึงพ่อผู้ตายจากไป แม้ความทรงจำนั้นมันจะกะพร่องกะแพร่ง และบ่งบอกชัดว่ามันค่อนๆ เลือนหายไปเต็มที โดยความสนุกของเรื่องมันอยู่ที่เสน่ห์ของสองนักแสดงอย่าง ชวน - จตุรชัย ศรีจันทร์วันเพ็ญ และอิ๋ว - ปานรัตน กริชชาญชัย ที่มีจังหวะรับส่งการแสดงกันอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านบทสนทนาธรรมดาๆ ที่ดูสมจริง จนดูเหมือนจะไร้ซึ่งตัวบท แต่จริงๆ แล้วยืนยันว่ามีตัวบทที่กำหนดชัดเจนอยู่ แล้วมุกตลกที่เป็นธรรมชาติเหล่านั้นก็อยู่ในบทจริงๆ
สำหรับเราผู้ได้ชมละครเวทีเรื่องนี้มาแล้วถึง 4 รอบ กับ 3 เวอร์ชั่นการแสดง (ในปี 2015, 2018 และล่าสุดในปี 2021) ก็รู้สึกแปลกใจว่าในเวอร์ชั่นนี้ ประโยคสนทนาที่ตัวละครพี่สาวชวนน้องชายพูดคุยถึงเรื่องเพศสภาพของตัวน้องแบบทีเล่นทีจริง ดึงความสนใจจากเราและสัมผัสได้ถึงการรอคอยคำตอบผสมด้วยความห่วงใยมากกว่าเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา ทั้งคำถามชวนคุยเรื่อง “เลือกแล้วหรือยัง” หรือ “ตกลงโตมาแล้วชอบฟันเก(ย์)เหรอ” (บริบทของเรื่องคือ การคุยกันเรื่องฟันน้ำนมหลุดแล้วต้องโยนขึ้นฟ้า ทว่าเมื่อน้องชายโยนแล้วฟันตกลงมา โตขึ้นมาฟันเลยเก)
ในเวอร์ชั่นก่อนๆ เรารู้สึกเหมือนกับว่า มันเป็นเพียงมุกตลกหรือการบอกให้ตัวละครน้องชายรับรู้ว่า “เฮ้ย รู้นะ นั่นแน่!” อะไรแบบนั้น แต่เวอร์ชั่นนี้ ด้วยจังหวะของการแสดง เรารู้สึกเหมือนตัวละครพี่สาวอยากรู้เรื่องราวส่วนในชีวิตของน้องชายจริงๆ แล้วก็ไม่เป็นไรเลยที่แกจะบอกฉันนะเว้ย! แล้วก็เช่ยเคย เราชอบมากกับวิธีการตอบกลับของตัวละครน้องชาย ซึ่งมันสะท้อนภาพชีวิตของตัวละครและพวกเราชาว LGBTQ ในชีวิตจริงได้ดีจริงๆ
แล้วคุณล่ะ ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตของตัวเองกับครอบครัวในทุกแง่มุมหรือเปล่า?
ละครเวที “เพลงนี้พ่อเคยร้อง” | This Song Father Used to Sing (Three Days in May) เพิ่งกลับมารีสเตจให้ผู้ชมชาวไทยได้ดูกันอีกครั้ง หลังจากทำการแสดงครั้งแรกในปี 2015 ที่โรงละครพระจันทร์เสี้ยว แล้วกลับมาเล่นใหม่อีกครั้งในเวอร์ชั่นปี 2018 ที่บัฟฟาโล บริดจ์ แกลเลอรี่ และเดินทางต่อในปี 2019 ไปยังเทศกาล Kunstenfestivaldesarts ที่บรัสเซลส์, เทศกาล Wiener Festwochen ณ กรุงเวียนนา ต่อด้วยปี 2020 ณ เทศกาล Oslo Internasjonale Teaterfestival ณ โรงละคร Black Box Teater กรุงออสโล ประเทศนอรเวย์ ล่าสุดมีกำหนดเผยแพร่เวอร์ชั่นออนไลน์ ณ เทศกาล Kyoto Experiment ประเทศญี่ปุ่น ปลายเดือนมีนาคม และเตรียมเดินทางต่อไปฝรั่งเศสปลายปีนี้
“เพลงนี้พ่อเคยร้อง” เล่าเรื่องของสองพี่น้องที่กลับมานั่งคุยสัพเพเหระ อัพเดตชีวิตกันและกัน พลางรำลึกความหลังถึงพ่อผู้ตายจากไป แม้ความทรงจำนั้นมันจะกะพร่องกะแพร่ง และบ่งบอกชัดว่ามันค่อนๆ เลือนหายไปเต็มที โดยความสนุกของเรื่องมันอยู่ที่เสน่ห์ของสองนักแสดงอย่าง ชวน - จตุรชัย ศรีจันทร์วันเพ็ญ และอิ๋ว - ปานรัตน กริชชาญชัย ที่มีจังหวะรับส่งการแสดงกันอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านบทสนทนาธรรมดาๆ ที่ดูสมจริง จนดูเหมือนจะไร้ซึ่งตัวบท แต่จริงๆ แล้วยืนยันว่ามีตัวบทที่กำหนดชัดเจนอยู่ แล้วมุกตลกที่เป็นธรรมชาติเหล่านั้นก็อยู่ในบทจริงๆ
สำหรับเราผู้ได้ชมละครเวทีเรื่องนี้มาแล้วถึง 4 รอบ กับ 3 เวอร์ชั่นการแสดง (ในปี 2015, 2018 และล่าสุดในปี 2021) ก็รู้สึกแปลกใจว่าในเวอร์ชั่นนี้ ประโยคสนทนาที่ตัวละครพี่สาวชวนน้องชายพูดคุยถึงเรื่องเพศสภาพของตัวน้องแบบทีเล่นทีจริง ดึงความสนใจจากเราและสัมผัสได้ถึงการรอคอยคำตอบผสมด้วยความห่วงใยมากกว่าเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา ทั้งคำถามชวนคุยเรื่อง “เลือกแล้วหรือยัง” หรือ “ตกลงโตมาแล้วชอบฟันเก(ย์)เหรอ” (บริบทของเรื่องคือ การคุยกันเรื่องฟันน้ำนมหลุดแล้วต้องโยนขึ้นฟ้า ทว่าเมื่อน้องชายโยนแล้วฟันตกลงมา โตขึ้นมาฟันเลยเก)
ในเวอร์ชั่นก่อนๆ เรารู้สึกเหมือนกับว่า มันเป็นเพียงมุกตลกหรือการบอกให้ตัวละครน้องชายรับรู้ว่า “เฮ้ย รู้นะ นั่นแน่!” อะไรแบบนั้น แต่เวอร์ชั่นนี้ ด้วยจังหวะของการแสดง เรารู้สึกเหมือนตัวละครพี่สาวอยากรู้เรื่องราวส่วนในชีวิตของน้องชายจริงๆ แล้วก็ไม่เป็นไรเลยที่แกจะบอกฉันนะเว้ย! แล้วก็เช่ยเคย เราชอบมากกับวิธีการตอบกลับของตัวละครน้องชาย ซึ่งมันสะท้อนภาพชีวิตของตัวละครและพวกเราชาว LGBTQ ในชีวิตจริงได้ดีจริงๆ
แล้วคุณล่ะ ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตของตัวเองกับครอบครัวในทุกแง่มุมหรือเปล่า?