- @TOM NEWS
- Sep 2020
ซานิ เลือกแล้ว นิยามตัวเองว่าเป็นเควียร์ (Queer)
By : Ruta
หากติดตามศิลปินนักร้อง/นักแสดงสาว “ซานิ - นิภาภรณ์ ฐิติธนการ” มาตลอด จะรู้ว่า เธอมักจะให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผยถึงความรักความสัมพันธ์ว่า “หนูได้หมด” หมายความว่าเธอคบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รวมถึงยังให้สัมภาษณ์อย่างยินดีว่า เธอเคยมีแฟนผู้หญิงมาแล้ว และเคยขึ้นปกนิตยสารทอม ดี้ เลสฯ อย่าง @tom act มาแล้วด้วย (รู้หรือไม่ ซานิเคยมาขึ้นปกนิตยสาร @tom act ฉบับที่ 2 ในปี 2008) แต่เธอก็ไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นทอม ดี้ เลสเบี้ยน หรือแม้กระทั่งไบเซ็กช่วล จนกระทั่งในที่สุด ตอนนี้เธอนิยามตัวเองแล้วว่า “หนูเป็นเควียร์ (Queer)”
เรื่องเริ่มจากในรายการ “จีบหนูหน่อย” ที่ซานิเป็นพิธีกรคู่กับ โอ๊ต - ปราโมทย์ ปาทาน ใน EP ที่ 60 (ออนไลน์ให้ชมวันที่ 13 สิงหาคม 2020) ซึ่งแขกรับเชิญคือ “หมี - กฤษฏิ์ เพียรมุ่งสัมพันธ์” เจ้าของตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง Mr. Gay World Thailand 2020 ซึ่งหมีก็ได้มาพูดคุยทำความเข้าใจถึง พรบ. คู่ชีวิต กฎหมายสำคัญของคนรักเพศเดียวกัน พร้อมกับมอบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ LGBTQ ด้วย ซึ่งพอพูดคุยถึงคำว่า LGBTQ ซานิก็ได้สอบถามลงลึกถึงรายละเอียดว่า แต่ละตัวอักษรนั้นหมายถึงอะไร และหมีก็ได้ให้คำนิยามว่า L คือเลสเบี้ยน G คือเกย์ B คือไบเซ็กช่วล หรือคนที่รักได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง T คือ ทรานส์เจนเดอร์ (Transgender) หรือคนข้ามเพศ (ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงข้ามไปเป็นผู้ชาย หรือผู้ชายข้ามไปเป็นผู้หญิง) ส่วน Q ก็คือ เควียร์ หมายถึง คนที่ไม่อยากระบุนิยามตัวเองหรือมีกรอบว่าตัวเองคือเพศอะไรเลย เพราะไม่ได้สนใจที่เรื่องเพศภายนอก แต่สนใจแค่เรื่องความรัก ไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม หรือหมายความว่าไร้ข้อจำกัดทางด้านเพศนั่นเอง ซึ่งซานิก็ย้ำด้วยประโยคที่ว่า “จะชอบยังไงก็ได้ มันอยู่ที่ว่าฉันชอบใคร”
ต่อเนื่องมาถึงรายการ “เจ๊คิ้มกินรอบวง” EP ที่ 4 (ออนไลน์ให้ชมวันที่ 7 กันยายน 2020) ซึ่ง “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” พิธีกรของรายการได้ชวน “ซานิ” ในฐานะแขกรับเชิญมารับประทานอาหารและร้องเพลงในรายการ โดยในช่วงหนึ่งคิ้มก็ได้ถามซานิถึงสเปคคนที่ชอบ “เป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือยังไง” ซึ่งซานิก็ตอบกลับไปว่า “หนูได้หมดเลย คือหนูเป็นเควียร์ เควียร์ก็คือไม่มีเพศอ่ะ ไม่มีนิยามจำกัดคำว่าเพศ” และนี่คืออีกหนึ่งความน่ายินดีที่เราได้มีคนในวงการบันเทิงเปิดเผยถึงตัวตนของตนเองเช่นนี้ เพราะนี่จะเป็นการความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้น รวมถึงอาจจะทำให้ใครอีกหลายคนได้ตระหนักรู้ถึงตัวตนของตนเองด้วยเช่นกัน
หากติดตามศิลปินนักร้อง/นักแสดงสาว “ซานิ - นิภาภรณ์ ฐิติธนการ” มาตลอด จะรู้ว่า เธอมักจะให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผยถึงความรักความสัมพันธ์ว่า “หนูได้หมด” หมายความว่าเธอคบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รวมถึงยังให้สัมภาษณ์อย่างยินดีว่า เธอเคยมีแฟนผู้หญิงมาแล้ว และเคยขึ้นปกนิตยสารทอม ดี้ เลสฯ อย่าง @tom act มาแล้วด้วย (รู้หรือไม่ ซานิเคยมาขึ้นปกนิตยสาร @tom act ฉบับที่ 2 ในปี 2008) แต่เธอก็ไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นทอม ดี้ เลสเบี้ยน หรือแม้กระทั่งไบเซ็กช่วล จนกระทั่งในที่สุด ตอนนี้เธอนิยามตัวเองแล้วว่า “หนูเป็นเควียร์ (Queer)”
เรื่องเริ่มจากในรายการ “จีบหนูหน่อย” ที่ซานิเป็นพิธีกรคู่กับ โอ๊ต - ปราโมทย์ ปาทาน ใน EP ที่ 60 (ออนไลน์ให้ชมวันที่ 13 สิงหาคม 2020) ซึ่งแขกรับเชิญคือ “หมี - กฤษฏิ์ เพียรมุ่งสัมพันธ์” เจ้าของตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง Mr. Gay World Thailand 2020 ซึ่งหมีก็ได้มาพูดคุยทำความเข้าใจถึง พรบ. คู่ชีวิต กฎหมายสำคัญของคนรักเพศเดียวกัน พร้อมกับมอบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ LGBTQ ด้วย ซึ่งพอพูดคุยถึงคำว่า LGBTQ ซานิก็ได้สอบถามลงลึกถึงรายละเอียดว่า แต่ละตัวอักษรนั้นหมายถึงอะไร และหมีก็ได้ให้คำนิยามว่า L คือเลสเบี้ยน G คือเกย์ B คือไบเซ็กช่วล หรือคนที่รักได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง T คือ ทรานส์เจนเดอร์ (Transgender) หรือคนข้ามเพศ (ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงข้ามไปเป็นผู้ชาย หรือผู้ชายข้ามไปเป็นผู้หญิง) ส่วน Q ก็คือ เควียร์ หมายถึง คนที่ไม่อยากระบุนิยามตัวเองหรือมีกรอบว่าตัวเองคือเพศอะไรเลย เพราะไม่ได้สนใจที่เรื่องเพศภายนอก แต่สนใจแค่เรื่องความรัก ไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม หรือหมายความว่าไร้ข้อจำกัดทางด้านเพศนั่นเอง ซึ่งซานิก็ย้ำด้วยประโยคที่ว่า “จะชอบยังไงก็ได้ มันอยู่ที่ว่าฉันชอบใคร”
ต่อเนื่องมาถึงรายการ “เจ๊คิ้มกินรอบวง” EP ที่ 4 (ออนไลน์ให้ชมวันที่ 7 กันยายน 2020) ซึ่ง “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” พิธีกรของรายการได้ชวน “ซานิ” ในฐานะแขกรับเชิญมารับประทานอาหารและร้องเพลงในรายการ โดยในช่วงหนึ่งคิ้มก็ได้ถามซานิถึงสเปคคนที่ชอบ “เป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือยังไง” ซึ่งซานิก็ตอบกลับไปว่า “หนูได้หมดเลย คือหนูเป็นเควียร์ เควียร์ก็คือไม่มีเพศอ่ะ ไม่มีนิยามจำกัดคำว่าเพศ” และนี่คืออีกหนึ่งความน่ายินดีที่เราได้มีคนในวงการบันเทิงเปิดเผยถึงตัวตนของตนเองเช่นนี้ เพราะนี่จะเป็นการความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้น รวมถึงอาจจะทำให้ใครอีกหลายคนได้ตระหนักรู้ถึงตัวตนของตนเองด้วยเช่นกัน