- @TOM NEWS
- Jul 2022
Cherry Magic The Movie ความจริงจังกับการสื่อสารเพื่อชาว LGBTQ+
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
การสานต่อความสำเร็จจากเวอร์ชั่นซีรีส์ ซึ่งเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของ “อาดาจิ” พนักงานออฟฟิศหนุ่มเด๋อๆ ด๋าๆ ที่มีพลังวิเศษอ่านใจคนได้ เพราะครองความซิงมาจนถึงอายุ 30 ปี แล้วดันไปอ่านใจได้ว่า “คุโรซาว่า” พนักงานหนุ่มสุดฮอตของบริษัทแอบชอบเค้า! โดยในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้ก็เล่าต่อจากซีรีส์เลย เมื่อทั้งคู่ตกลงคบหาเป็นแฟนกันแล้ว แต่เรื่องยุ่งยากวุ่นวายก็ยังมีให้ฟันฝ่า ทั้งเรื่องที่อาดาจิได้รับการโปรโมทจากบริษัทจนต้องย้ายไปอยู่อีกเมือง กลายเป็นรักทางไกล การยอมรับจากพ่อแม่และครอบครัวของทั้งสองฝั่ง และการปรับตัวครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ เมื่ออาดาจิสูญเสียพลังวิเศษไปแล้ว! (ต้องอธิบายไหมว่าทำไมถึงเสียพลังวิเศษ!?)
เอาเข้าจริง มวลอารมณ์ของ Cherry Magic! The Movie นั้นต่างจากเวอร์ชั่นซีรีส์อยู่พอสมควร จนเรียกได้ว่ามันเปลี่ยนโหมดจากโรแมนติก-คอมเมดี้ มาเป็นโรแมนติก-ดราม่าเลยก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งเพราะมันเลือกพูดถึงความสัมพันธ์ที่จริงจังมากขึ้น แล้วไหนจะต้องรวบรัดเอาเส้นทางความสัมพันธ์ของอาดาจิและคุโรซาว่าที่มีอุปสรรคต่างๆ มากมายให้ขมวดรวมกันอยู่ในเวลาชั่วโมงครึ่งอีก ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อพลังวิเศษของอาดาจิสูญสลายหายไปแล้ว ความเพี้ยนคลั่งเหนือจริงต่างๆ ก็พลอยหายไปด้วย
ถึงจะเซอร์ไพรส์ที่หนังมาโทนจริงจังมากขึ้น จนฉากโบ๊ะๆ บ๊ะๆ และเสียงร้อง “เอ๋” ของอาดาจิแทบจะไม่ได้เปล่งออกมา แต่พอปล่อยให้ความรู้สึกของเราได้ตกตะกอนสักพัก เรากลับรู้สึกชอบหนังมากๆ เลยนะ ความจริงจังและจริงใจกับเรื่องที่จะสื่อสาร มันแผ่ออกมาในทุกอณูเลย Cherry Magic! The Movie ทำให้เราได้เห็นว่าความรักความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนในสังคมญี่ปุ่นมันยากมากจริงๆ (ยิ่งเมื่อทาบทับเข้ากับข่าวสมรสเท่าเทียมที่ยังไร้อนาคตในญี่ปุ่นด้วยแล้ว เราเชื่อว่า LGBTQ+ ที่โน่นคงอินมากๆ) อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นแล้วอีกฝ่ายกลายเป็นเพียงคนนอก ความสัมพันธ์ที่ต้องปกปิดเป็นความลับมันต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง แต่การเปิดเผยความสัมพันธ์กับสังคมในที่ทำงานและครอบครัวก็ต้องแลกมาด้วยอะไรอีกหลายอย่างเช่นกัน
ถึงจุดนี้ ความสัมพันธ์ของอาดาจิกับคุโรซาว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องการสื่อสารระหว่างกัน (เหมือนที่เราเคยพูดในรายการของ #ศูนย์วิจารณ์ ว่าต่อให้อาดาจิอ่านใจคุโรซาว่าได้ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือการสื่อสารระหว่างกันต่างหาก) แต่มันมีเรื่องของชีวิตการทำงาน เป้าหมายในชีวิต ครอบครัว เพื่อนฝูง ไปจนถึงสายตาจากสังคมคนรอบข้างอีก แล้วก็จริงอย่างที่พวกเค้าพูดเอาไว้ การแต่งงานไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์หรอก ยังมีเรื่องที่พวกเค้าต้องฟันฝ่าไปด้วยกันอีกมากมาย แต่มันจะไม่เป็นอะไรเลย ตราบใดที่พวกเค้ายังรักและประคับประคองความรักนี้ แล้วก้าวเดินไปด้วยกัน
Cherry Magic! The Movie “ถ้า 30 ยังซิงจะมีพลังวิเศษ” เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
การสานต่อความสำเร็จจากเวอร์ชั่นซีรีส์ ซึ่งเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของ “อาดาจิ” พนักงานออฟฟิศหนุ่มเด๋อๆ ด๋าๆ ที่มีพลังวิเศษอ่านใจคนได้ เพราะครองความซิงมาจนถึงอายุ 30 ปี แล้วดันไปอ่านใจได้ว่า “คุโรซาว่า” พนักงานหนุ่มสุดฮอตของบริษัทแอบชอบเค้า! โดยในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้ก็เล่าต่อจากซีรีส์เลย เมื่อทั้งคู่ตกลงคบหาเป็นแฟนกันแล้ว แต่เรื่องยุ่งยากวุ่นวายก็ยังมีให้ฟันฝ่า ทั้งเรื่องที่อาดาจิได้รับการโปรโมทจากบริษัทจนต้องย้ายไปอยู่อีกเมือง กลายเป็นรักทางไกล การยอมรับจากพ่อแม่และครอบครัวของทั้งสองฝั่ง และการปรับตัวครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ เมื่ออาดาจิสูญเสียพลังวิเศษไปแล้ว! (ต้องอธิบายไหมว่าทำไมถึงเสียพลังวิเศษ!?)
เอาเข้าจริง มวลอารมณ์ของ Cherry Magic! The Movie นั้นต่างจากเวอร์ชั่นซีรีส์อยู่พอสมควร จนเรียกได้ว่ามันเปลี่ยนโหมดจากโรแมนติก-คอมเมดี้ มาเป็นโรแมนติก-ดราม่าเลยก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งเพราะมันเลือกพูดถึงความสัมพันธ์ที่จริงจังมากขึ้น แล้วไหนจะต้องรวบรัดเอาเส้นทางความสัมพันธ์ของอาดาจิและคุโรซาว่าที่มีอุปสรรคต่างๆ มากมายให้ขมวดรวมกันอยู่ในเวลาชั่วโมงครึ่งอีก ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อพลังวิเศษของอาดาจิสูญสลายหายไปแล้ว ความเพี้ยนคลั่งเหนือจริงต่างๆ ก็พลอยหายไปด้วย
ถึงจะเซอร์ไพรส์ที่หนังมาโทนจริงจังมากขึ้น จนฉากโบ๊ะๆ บ๊ะๆ และเสียงร้อง “เอ๋” ของอาดาจิแทบจะไม่ได้เปล่งออกมา แต่พอปล่อยให้ความรู้สึกของเราได้ตกตะกอนสักพัก เรากลับรู้สึกชอบหนังมากๆ เลยนะ ความจริงจังและจริงใจกับเรื่องที่จะสื่อสาร มันแผ่ออกมาในทุกอณูเลย Cherry Magic! The Movie ทำให้เราได้เห็นว่าความรักความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนในสังคมญี่ปุ่นมันยากมากจริงๆ (ยิ่งเมื่อทาบทับเข้ากับข่าวสมรสเท่าเทียมที่ยังไร้อนาคตในญี่ปุ่นด้วยแล้ว เราเชื่อว่า LGBTQ+ ที่โน่นคงอินมากๆ) อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นแล้วอีกฝ่ายกลายเป็นเพียงคนนอก ความสัมพันธ์ที่ต้องปกปิดเป็นความลับมันต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง แต่การเปิดเผยความสัมพันธ์กับสังคมในที่ทำงานและครอบครัวก็ต้องแลกมาด้วยอะไรอีกหลายอย่างเช่นกัน
ถึงจุดนี้ ความสัมพันธ์ของอาดาจิกับคุโรซาว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องการสื่อสารระหว่างกัน (เหมือนที่เราเคยพูดในรายการของ #ศูนย์วิจารณ์ ว่าต่อให้อาดาจิอ่านใจคุโรซาว่าได้ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือการสื่อสารระหว่างกันต่างหาก) แต่มันมีเรื่องของชีวิตการทำงาน เป้าหมายในชีวิต ครอบครัว เพื่อนฝูง ไปจนถึงสายตาจากสังคมคนรอบข้างอีก แล้วก็จริงอย่างที่พวกเค้าพูดเอาไว้ การแต่งงานไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์หรอก ยังมีเรื่องที่พวกเค้าต้องฟันฝ่าไปด้วยกันอีกมากมาย แต่มันจะไม่เป็นอะไรเลย ตราบใดที่พวกเค้ายังรักและประคับประคองความรักนี้ แล้วก้าวเดินไปด้วยกัน
Cherry Magic! The Movie “ถ้า 30 ยังซิงจะมีพลังวิเศษ” เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์