- @TOM NEWS
- Jan 2024
Heartstopper ซีซั่น 2 กับการเปิดเผยตัวตนครั้งยิ่งใหญ่ของตัวละคร
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ดูซีซั่นแรกเลย คือถึงมันจะมีความรู้สึกอบอุ่นชวนฝันกับสายสัมพันธ์ของตัวละครหลัก ทว่าในแต่ละฉากแต่ละซีนที่ผ่านไป เรากลับหายใจไม่ค่อยทั่วท้องสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตัวละครกำลังเผชิญอยู่มันหนักหนาสาหัสแค่ไหน ความอึดอัดสับสนกับการต้องเก็บงำความลับ ความกลัวความกล้าที่จะเอ่ยปาก Come Out แล้วหากสิ่งนั้นถูกเปิดเผยออกมาก่อนที่พวกเค้าจะพร้อม มันจะเป็นเช่นไร มันจะส่งผลต่อความรักความสัมพันธ์ของพวกเค้าแค่ไหน
ซีซั่นสอง เปิดเรื่องด้วยภาวะคลั่งรักของ Charlie และ Nick ที่ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว และค่อยๆ ทำภารกิจเปิดตัวในฐานะคนรัก ควบคู่ไปกับการเปิดตัวว่าเป็นไบเซ็กช่วลของ Nick กับผู้คนรอบๆ ตัวไปทีละด่าน ขณะเดียวกันในความสัมพันธ์แสนหวานชื่นของทั้งคู่ Nick ก็ค้นพบความลับอันดำมืดของ Charlie และไม่มั่นใจเลยว่าตัวเค้าเองจะช่วยคนรักได้อย่างไร ส่วนตัวละครแก๊งเพื่อนแต่ละคนก็มีปัญหาให้ฝ่าฟันไปด้วยแบบหนักหนาสาหัสไม่ต่างกัน Elle กับ Tao กำลังจะก้าวข้ามเส้นเพื่อนรักไปสู่คนรัก แต่มันจะเวิร์กจริงเหรอ แล้วมันจะพังทลายมิตรภาพของพวกเค้าไปจบสิ้นหรือเปล่า, Tara กับ Darcy คู่รักเลสเบี้ยนที่เป็นเหมือนไอดอลของ Charlie และ Nick ก็มีปัญหาอะไรบางอย่างก่อตัวขึ้นมาคั่นกลางระหว่างพวกเธอ, Imogen เลิกชอบ Nick แล้ว แต่ไปคบกับ Ben คนที่เคยทำร้ายหัวใจของ Charlie ไปแทน! และที่เราชอบมากที่สุดก็คือการค้นหาตัวเองของ Isaac เด็กหนุ่มติดหนังสือที่บางทีเค้าอาจจะได้เลิกอ่านหนังสือเสียที!
สิ่งที่ทำให้ Heartstopper เป็นมากกว่าซีรีส์รักวัยรุ่นที่เล่นกับประเด็น LGBTQ+ หรือมีตัวละครเป็นกลุ่ม LGBTQ+ ทั่วไป ก็คือความจริงใจและจริงจังกับประเด็นที่ต้องการสื่อสาร โดยเฉพาะเรื่องโฮโมโฟเบียซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กคนหนึ่งๆ อย่างรุนแรงร้ายกาจ ในซีซั่นนี้เราได้รับรู้ความเจ็บปวดทรมานของ Charlie ชัดเจนขึ้น แม้ว่าเค้าจะไม่เอ่ยปากออกมาตรงๆ ซะทีว่า พบเจออะไรมาบ้าง แต่สิ่งที่ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของเค้ามันก็ชัดเจนพออยู่แล้ว (ชอบมากๆ ด้วยกับการนำเสนอเรื่อง Eating disorder (พฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ) ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นซีรีส์/หนังพูดถึงอะไรแบบนี้เท่าไหร่) แล้วชอบสุดๆ ที่ตัวละครผู้เป็นโฮโมโฟเบียทั้งหลายไม่ได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดาย โอเค เราได้เห็นพวกเค้าเอ่ยปากขอโทษ รู้สึกผิด หรือแม้แต่พยายามขอโอกาส แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เหยื่อหรือชาว LGBTQ+ ทั้งหลายมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะปฏิเสธคนเหล่านั้นให้กลับเข้ามาในชีวิต และนี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ใช่ว่าทุกคนจะได้รับโอกาส ให้อภัย และรักกันหวานชื่นได้แบบปกติสุข
ถึงแม้ในซีรีส์จะมีตัวละครพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่เข้าอกเข้าใจลูกๆ ชาว LGBTQ+ อย่างเต็มหัวใจ แต่ในซีซั่นนี้เราก็พบว่ามีอีกหลายครอบครัวที่บ้านกลับไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยของเด็กๆ เยาวชน LGBTQ+ และมันคือความจริง! มิตรภาพ ความรัก ไม่ว่าจะมาจากเพื่อนๆ หรือคนรักจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกเค้าจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก แล้วพอพวกเค้าโอบกอดกันและกันในซีซั่นนี้อยู่บ่อยครั้ง เราก็พลอยน้ำตาซึม ชอบมากกับซีนที่ Tao ได้พูดเปิดใจกับ Charlie ที่ปารีส ก่อนที่ Charlie จะตัดสินใจเขียนชื่อทั้งคู่ลงบนแม่กุญแจคล้องรัก แล้วชอบสุดๆ กับซีนที่ Tao ได้พูดคุยญาติดีกับ Nick เสียที!
ชอบการพูดถึง Asexual (คนที่ไม่ฝักใฝ่สนใจเรื่องทางเพศ หรือไม่รู้สึกดึงดูดใจกับเพศไหนเลย) ผ่านตัวละคร Isaac ซึ่งปีที่ผ่านมานี้ ในที่สุดเราก็ได้เจอคนไทยที่เป็น Asexual ตัวจริงเสียงจริงแล้ว และการได้นั่งพูดคุยทำความเข้าใจตัวตนของชาว Asexual ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเรามาก และต้องโน้ตไว้อีกครั้งว่า Heartstopper เวอร์ชั่นต้นฉบับที่เป็นกราฟิกโนเวลนั้นเขียนโดย Alice Oseman นักเขียนหญิงที่ระบุว่าตนเองเป็น Asexual ดังนั้น การถ่ายทอดเรื่องนี้ผ่านตัวละคร Isaac ในซีซั่นนี้จึงงดงามมากสำหรับเรา
Heartstopper ทำให้เราอยากโอบกอดถามไถ่คนรอบๆ ตัวว่า โอเคไหม มีอะไรอยากระบายบ้างหรือเปล่า หรืออยากให้เราช่วยอะไรบ้างไหม เพราะเชื่อเถอะว่า ผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส หรือส่งเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา บางทีเค้าอาจจะไม่ได้โอเคอย่างที่เห็นก็ได้ แล้วบางที แค่อ้อมกอดหรือการพูดคุยเล็กๆ จากเราก็ทำให้เค้าผ่านวันยากๆ ไปได้ ก่อนจะผ่านปีเก่านี้ไปสู่ปีใหม่ มาลอง “ฟัง” คนข้างๆ และ “กอด” พวกเค้ากันเถอะ
รับชม Heartstopper ได้ทาง Netflix
เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ดูซีซั่นแรกเลย คือถึงมันจะมีความรู้สึกอบอุ่นชวนฝันกับสายสัมพันธ์ของตัวละครหลัก ทว่าในแต่ละฉากแต่ละซีนที่ผ่านไป เรากลับหายใจไม่ค่อยทั่วท้องสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตัวละครกำลังเผชิญอยู่มันหนักหนาสาหัสแค่ไหน ความอึดอัดสับสนกับการต้องเก็บงำความลับ ความกลัวความกล้าที่จะเอ่ยปาก Come Out แล้วหากสิ่งนั้นถูกเปิดเผยออกมาก่อนที่พวกเค้าจะพร้อม มันจะเป็นเช่นไร มันจะส่งผลต่อความรักความสัมพันธ์ของพวกเค้าแค่ไหน
ซีซั่นสอง เปิดเรื่องด้วยภาวะคลั่งรักของ Charlie และ Nick ที่ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว และค่อยๆ ทำภารกิจเปิดตัวในฐานะคนรัก ควบคู่ไปกับการเปิดตัวว่าเป็นไบเซ็กช่วลของ Nick กับผู้คนรอบๆ ตัวไปทีละด่าน ขณะเดียวกันในความสัมพันธ์แสนหวานชื่นของทั้งคู่ Nick ก็ค้นพบความลับอันดำมืดของ Charlie และไม่มั่นใจเลยว่าตัวเค้าเองจะช่วยคนรักได้อย่างไร ส่วนตัวละครแก๊งเพื่อนแต่ละคนก็มีปัญหาให้ฝ่าฟันไปด้วยแบบหนักหนาสาหัสไม่ต่างกัน Elle กับ Tao กำลังจะก้าวข้ามเส้นเพื่อนรักไปสู่คนรัก แต่มันจะเวิร์กจริงเหรอ แล้วมันจะพังทลายมิตรภาพของพวกเค้าไปจบสิ้นหรือเปล่า, Tara กับ Darcy คู่รักเลสเบี้ยนที่เป็นเหมือนไอดอลของ Charlie และ Nick ก็มีปัญหาอะไรบางอย่างก่อตัวขึ้นมาคั่นกลางระหว่างพวกเธอ, Imogen เลิกชอบ Nick แล้ว แต่ไปคบกับ Ben คนที่เคยทำร้ายหัวใจของ Charlie ไปแทน! และที่เราชอบมากที่สุดก็คือการค้นหาตัวเองของ Isaac เด็กหนุ่มติดหนังสือที่บางทีเค้าอาจจะได้เลิกอ่านหนังสือเสียที!
สิ่งที่ทำให้ Heartstopper เป็นมากกว่าซีรีส์รักวัยรุ่นที่เล่นกับประเด็น LGBTQ+ หรือมีตัวละครเป็นกลุ่ม LGBTQ+ ทั่วไป ก็คือความจริงใจและจริงจังกับประเด็นที่ต้องการสื่อสาร โดยเฉพาะเรื่องโฮโมโฟเบียซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กคนหนึ่งๆ อย่างรุนแรงร้ายกาจ ในซีซั่นนี้เราได้รับรู้ความเจ็บปวดทรมานของ Charlie ชัดเจนขึ้น แม้ว่าเค้าจะไม่เอ่ยปากออกมาตรงๆ ซะทีว่า พบเจออะไรมาบ้าง แต่สิ่งที่ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของเค้ามันก็ชัดเจนพออยู่แล้ว (ชอบมากๆ ด้วยกับการนำเสนอเรื่อง Eating disorder (พฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ) ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นซีรีส์/หนังพูดถึงอะไรแบบนี้เท่าไหร่) แล้วชอบสุดๆ ที่ตัวละครผู้เป็นโฮโมโฟเบียทั้งหลายไม่ได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดาย โอเค เราได้เห็นพวกเค้าเอ่ยปากขอโทษ รู้สึกผิด หรือแม้แต่พยายามขอโอกาส แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เหยื่อหรือชาว LGBTQ+ ทั้งหลายมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะปฏิเสธคนเหล่านั้นให้กลับเข้ามาในชีวิต และนี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ใช่ว่าทุกคนจะได้รับโอกาส ให้อภัย และรักกันหวานชื่นได้แบบปกติสุข
ถึงแม้ในซีรีส์จะมีตัวละครพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่เข้าอกเข้าใจลูกๆ ชาว LGBTQ+ อย่างเต็มหัวใจ แต่ในซีซั่นนี้เราก็พบว่ามีอีกหลายครอบครัวที่บ้านกลับไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยของเด็กๆ เยาวชน LGBTQ+ และมันคือความจริง! มิตรภาพ ความรัก ไม่ว่าจะมาจากเพื่อนๆ หรือคนรักจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกเค้าจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก แล้วพอพวกเค้าโอบกอดกันและกันในซีซั่นนี้อยู่บ่อยครั้ง เราก็พลอยน้ำตาซึม ชอบมากกับซีนที่ Tao ได้พูดเปิดใจกับ Charlie ที่ปารีส ก่อนที่ Charlie จะตัดสินใจเขียนชื่อทั้งคู่ลงบนแม่กุญแจคล้องรัก แล้วชอบสุดๆ กับซีนที่ Tao ได้พูดคุยญาติดีกับ Nick เสียที!
ชอบการพูดถึง Asexual (คนที่ไม่ฝักใฝ่สนใจเรื่องทางเพศ หรือไม่รู้สึกดึงดูดใจกับเพศไหนเลย) ผ่านตัวละคร Isaac ซึ่งปีที่ผ่านมานี้ ในที่สุดเราก็ได้เจอคนไทยที่เป็น Asexual ตัวจริงเสียงจริงแล้ว และการได้นั่งพูดคุยทำความเข้าใจตัวตนของชาว Asexual ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเรามาก และต้องโน้ตไว้อีกครั้งว่า Heartstopper เวอร์ชั่นต้นฉบับที่เป็นกราฟิกโนเวลนั้นเขียนโดย Alice Oseman นักเขียนหญิงที่ระบุว่าตนเองเป็น Asexual ดังนั้น การถ่ายทอดเรื่องนี้ผ่านตัวละคร Isaac ในซีซั่นนี้จึงงดงามมากสำหรับเรา
Heartstopper ทำให้เราอยากโอบกอดถามไถ่คนรอบๆ ตัวว่า โอเคไหม มีอะไรอยากระบายบ้างหรือเปล่า หรืออยากให้เราช่วยอะไรบ้างไหม เพราะเชื่อเถอะว่า ผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส หรือส่งเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา บางทีเค้าอาจจะไม่ได้โอเคอย่างที่เห็นก็ได้ แล้วบางที แค่อ้อมกอดหรือการพูดคุยเล็กๆ จากเราก็ทำให้เค้าผ่านวันยากๆ ไปได้ ก่อนจะผ่านปีเก่านี้ไปสู่ปีใหม่ มาลอง “ฟัง” คนข้างๆ และ “กอด” พวกเค้ากันเถอะ
รับชม Heartstopper ได้ทาง Netflix