- @TOM NEWS
- Dec-Jan 2024
Smiley มินิซีรีส์ชุลมุนวุ่นรัก LGBTQ+ จากสเปนที่อยากชวนให้ทุกคนได้ดู
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ถึงจะมีช่วงน่าหงุดหงิด เพราะพฤติกรรม & วิธีคิดของตัวละคร บวกกับตัวบทที่ขีดเส้นโชคชะตาให้ตัวละครหลายๆ ตัวต้องเผชิญหน้ากับเรื่องน่าลำบากใจ เพราะตัดสินใจผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีเสมอๆ แต่โดยรวมแล้ว การนั่งดู Smiley มินิซีรีส์ความยาว 8 ตอนจากสเปนเรื่องนี้ก็เพลิดเพลิน ต่อเติมความโรแมนติก และชวนครุ่นคิดถึงประเด็นความรักความสัมพันธ์ได้หลากหลายมิติดีทีเดียว
เรื่องเริ่มจาก Àlex บาร์เทนเดอร์เกย์หนุ่มหุ่นล่ำถูกบอกเลิกกะทันหันแบบไม่ทันตั้งตัว ก็เลยส่งวอยซ์เมลไปด่าอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน เพียงแต่เค้าดันส่งมันผิดไปหา Bruno สปานิกหนุ่มหงิดๆ ติ๋มๆ ผู้ไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่มีแฟนมาพักใหญ่แล้ว จากความเข้าใจผิดนำไปสู่เดตแรกที่เหมือนคนดูอย่างเรา (และตัวละคร) กำลังเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก บางจังหวะมันเหมือนจะพวกเค้าจะเข้ากันได้ดี และเราก็ดูไปอมยิ้มไป แต่อีกหลายจังหวะมันก็เหมือนพวกเค้าไม่น่าจะไปด้วยกันได้รอดได้เลย แต่แล้วจู่ๆ แรงดึงดูดของขั้วที่แตกต่างก็กลับทวีความรุนแรง ก่อนทุกอย่างจะพลิกกลับไปเป็นความเหินห่างอีกหน แล้วมันก็หมุนวนเป็นลูปเช่นนี้ไปจนตลอดเรื่องเลย
เอาจริงๆ เราชอบความกระอักกระอ่วนชวนมวนท้องเวลาที่ Àlex กับ Bruno อยู่ด้วยกันมากนะ เพราะในชีวิตจริง ในช่วงเวลาแรกของความสัมพันธ์มันไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลาหรอก ยิ่งเราชอบอีกฝ่ายนึงมากๆ เราก็มักจะกังวลว่า เราดีพอแล้วหรือยัง เค้าจะมองเราแบบไหน จะคิดกับเรายังไง แล้วอะไรๆ มันก็ดูไม่เข้าที่เข้าทางไปซะหมด ชอบมากๆ ด้วยที่ในขณะที่ฝ่าย Bruno มองว่าตัวเองนั้นคงไม่ตรงสเปคของ Àlex เพราะเค้าไม่ใช่หนุ่มล่ำเข้ายิมตามพิมพ์นิยม ฝ่าย Àlex ก็กลับรู้สึกไม่มั่นใจเช่นกัน ด้วยชอบคิดเสมอว่าตัวเองจะดีพอกับ Bruno คนหัวสูงหรือเปล่า เพราะเค้าดูฉลาดเฉลียวไปหมดเหลือเกิน
แล้วใช่ว่าจะเล่าแต่ความสัมพันธ์ของคู่เกย์ที่เพิ่งพบรักและมีความสัมพันธ์ชวนปวดหัว เพราะ Smiley ยังมีเรื่องของคู่เลสเบี้ยนที่คบหากันมานาน 7 ปี แล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องใหม่ๆ ให้พวกเธอต้องรับมือและเรียนรู้ ทั้งการทดลองมีความสัมพันธ์แบบหาคนที่สามเข้ามาเติมไฟรัก, ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อแม่ของอีกฝ่ายไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นเลสเบี้ยน แล้วโผล่มาเซอร์ไพรส์พวกเธอ, การสื่อสารความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งบางทีมันก็ทำร้ายอีกฝ่าย ไปจนถึงการก้าวไปสู่สเตปของการลงหลักปักฐานในความสัมพันธ์ ซึ่งพวกเธอก็ไม่มั่นใจว่าพร้อมแล้วหรือยัง
แล้วไหนจะเส้นเรื่องความสัมพันธ์แบบชายหญิงที่เล่นกับประเด็นตัวตนที่ตกหล่นหายไประหว่างการสร้างครอบครัว การทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงานจนหลงลืมเรื่องอื่นๆ ในชีวิต ไปจนถึงการกอบกู้ความรักและครอบครัวกลับคืนมา หรือเส้นเรื่องการกลับมาเพื่อเยียวยาบาดแผลในอดีตของตนเอง การเปิดเผยความลับ การให้อภัย และการยอมรับเพื่อเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าจะอยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่งแล้วก็ตาม ซึ่งต้องบอกว่าเส้นเรื่องความสัมพันธ์รอบๆ ตัวละคร Àlex และ Bruno นี่ดีงามแล้วทำให้เรื่องมันไม่น่าเบื่อจนเกินไปนักด้วย
ชอบลีลาฉวัดเฉวียนของการใช้เทคนิคต่างๆ มาบอกเล่าเรื่องราวให้ดูสนุกแบบฉูดฉาดมากๆ การแบ่งจอ เอากราฟิกมาเล่น เล่าเรื่องซ้ำในมุมมองใหม่ ฝันซ้อนฝัน แต่ที่เจ๋งที่สุดก็คือ การเล่าเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับทุกตัวละครในสถานที่เดียวกันในช่วงอีพีท้ายๆ ของเรื่อง โดยใช้กล้องเคลื่อนไปตามตัวละครโน้นตัวละครนี้แบบลองเทคในหลายช่วง เออ รู้เลยว่าคิดงานมาแบบละเอียดยิบ!
รับชม Smiley ได้ทาง Netflix
ถึงจะมีช่วงน่าหงุดหงิด เพราะพฤติกรรม & วิธีคิดของตัวละคร บวกกับตัวบทที่ขีดเส้นโชคชะตาให้ตัวละครหลายๆ ตัวต้องเผชิญหน้ากับเรื่องน่าลำบากใจ เพราะตัดสินใจผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีเสมอๆ แต่โดยรวมแล้ว การนั่งดู Smiley มินิซีรีส์ความยาว 8 ตอนจากสเปนเรื่องนี้ก็เพลิดเพลิน ต่อเติมความโรแมนติก และชวนครุ่นคิดถึงประเด็นความรักความสัมพันธ์ได้หลากหลายมิติดีทีเดียว
เรื่องเริ่มจาก Àlex บาร์เทนเดอร์เกย์หนุ่มหุ่นล่ำถูกบอกเลิกกะทันหันแบบไม่ทันตั้งตัว ก็เลยส่งวอยซ์เมลไปด่าอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน เพียงแต่เค้าดันส่งมันผิดไปหา Bruno สปานิกหนุ่มหงิดๆ ติ๋มๆ ผู้ไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่มีแฟนมาพักใหญ่แล้ว จากความเข้าใจผิดนำไปสู่เดตแรกที่เหมือนคนดูอย่างเรา (และตัวละคร) กำลังเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก บางจังหวะมันเหมือนจะพวกเค้าจะเข้ากันได้ดี และเราก็ดูไปอมยิ้มไป แต่อีกหลายจังหวะมันก็เหมือนพวกเค้าไม่น่าจะไปด้วยกันได้รอดได้เลย แต่แล้วจู่ๆ แรงดึงดูดของขั้วที่แตกต่างก็กลับทวีความรุนแรง ก่อนทุกอย่างจะพลิกกลับไปเป็นความเหินห่างอีกหน แล้วมันก็หมุนวนเป็นลูปเช่นนี้ไปจนตลอดเรื่องเลย
เอาจริงๆ เราชอบความกระอักกระอ่วนชวนมวนท้องเวลาที่ Àlex กับ Bruno อยู่ด้วยกันมากนะ เพราะในชีวิตจริง ในช่วงเวลาแรกของความสัมพันธ์มันไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลาหรอก ยิ่งเราชอบอีกฝ่ายนึงมากๆ เราก็มักจะกังวลว่า เราดีพอแล้วหรือยัง เค้าจะมองเราแบบไหน จะคิดกับเรายังไง แล้วอะไรๆ มันก็ดูไม่เข้าที่เข้าทางไปซะหมด ชอบมากๆ ด้วยที่ในขณะที่ฝ่าย Bruno มองว่าตัวเองนั้นคงไม่ตรงสเปคของ Àlex เพราะเค้าไม่ใช่หนุ่มล่ำเข้ายิมตามพิมพ์นิยม ฝ่าย Àlex ก็กลับรู้สึกไม่มั่นใจเช่นกัน ด้วยชอบคิดเสมอว่าตัวเองจะดีพอกับ Bruno คนหัวสูงหรือเปล่า เพราะเค้าดูฉลาดเฉลียวไปหมดเหลือเกิน
แล้วใช่ว่าจะเล่าแต่ความสัมพันธ์ของคู่เกย์ที่เพิ่งพบรักและมีความสัมพันธ์ชวนปวดหัว เพราะ Smiley ยังมีเรื่องของคู่เลสเบี้ยนที่คบหากันมานาน 7 ปี แล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องใหม่ๆ ให้พวกเธอต้องรับมือและเรียนรู้ ทั้งการทดลองมีความสัมพันธ์แบบหาคนที่สามเข้ามาเติมไฟรัก, ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อแม่ของอีกฝ่ายไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นเลสเบี้ยน แล้วโผล่มาเซอร์ไพรส์พวกเธอ, การสื่อสารความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งบางทีมันก็ทำร้ายอีกฝ่าย ไปจนถึงการก้าวไปสู่สเตปของการลงหลักปักฐานในความสัมพันธ์ ซึ่งพวกเธอก็ไม่มั่นใจว่าพร้อมแล้วหรือยัง
แล้วไหนจะเส้นเรื่องความสัมพันธ์แบบชายหญิงที่เล่นกับประเด็นตัวตนที่ตกหล่นหายไประหว่างการสร้างครอบครัว การทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงานจนหลงลืมเรื่องอื่นๆ ในชีวิต ไปจนถึงการกอบกู้ความรักและครอบครัวกลับคืนมา หรือเส้นเรื่องการกลับมาเพื่อเยียวยาบาดแผลในอดีตของตนเอง การเปิดเผยความลับ การให้อภัย และการยอมรับเพื่อเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าจะอยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่งแล้วก็ตาม ซึ่งต้องบอกว่าเส้นเรื่องความสัมพันธ์รอบๆ ตัวละคร Àlex และ Bruno นี่ดีงามแล้วทำให้เรื่องมันไม่น่าเบื่อจนเกินไปนักด้วย
ชอบลีลาฉวัดเฉวียนของการใช้เทคนิคต่างๆ มาบอกเล่าเรื่องราวให้ดูสนุกแบบฉูดฉาดมากๆ การแบ่งจอ เอากราฟิกมาเล่น เล่าเรื่องซ้ำในมุมมองใหม่ ฝันซ้อนฝัน แต่ที่เจ๋งที่สุดก็คือ การเล่าเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับทุกตัวละครในสถานที่เดียวกันในช่วงอีพีท้ายๆ ของเรื่อง โดยใช้กล้องเคลื่อนไปตามตัวละครโน้นตัวละครนี้แบบลองเทคในหลายช่วง เออ รู้เลยว่าคิดงานมาแบบละเอียดยิบ!
รับชม Smiley ได้ทาง Netflix