• @TOM NEWS
  • Jan 2025

5 อันดับหนังถูกจริต LGBTQ ประจำปี 2024

By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง

หลังจากจัดอันดับรายการเรียลิตี้ และละครเวทีประจำปีกันไปแล้ว ก็ถึงหมวด "หนัง" กันบ้าง สำหรับการจัดอันดับของเพจ "ชีวิตผมก็เหมือนหนัง" นักเขียนสายรีวิวของเรา ที่ขอเคลมว่าเป็นการจัดอันดับสื่อบันเทิงถูกจริตชาว LGBTQ+ กันสักหน่อย (หมายเหตุ: หนังที่เลือกมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังจากปี 2024 และนับเฉพาะหนังที่ผู้เขียนได้รับชมตลอดทั้งปีเท่านั้น)


ถึงจะฉาบหน้าไว้ด้วยความเป็นหนัง Feel Good พลังบวก แต่สิ่งที่ตัวละครทั้งคู่มันช่างสมจริงสมจัง และหนักหนาสาหัส แล้วมันก็ประกอบร่างสร้างตัวละครให้มีเลือดเนื้อ ให้เป็นมนุษย์ และให้คนดูอย่างเราๆ ตกหลุมรักอย่างง่ายดาย ความดีงามของ Love in the Big City นี้อาจจะมาจากตัวนวนิยายต้นฉบับของ “พัคซังยอง” นักเขียนเกย์หมี (ที่โผล่มาเป็น Cameo ในหนังด้วย) แต่เราเชื่อว่า ส่วนสำคัญคือ Kim Na-deul มือเขียนบท และ E.oni ผู้กำกับหญิง ที่ค่อยๆ ใช้เวลาพาเราไปทำความรู้จักตัวตนของตัวละครอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน และไม่เร่งเร้าในจังหวะที่สามารถเค้นอารมณ์ได้ด้วยซ้ำ แล้วความสนุกของตัวหนังก็คือ การที่หนังทำเหมือนจะเล่นท่าบังคับแบบที่เราชิน มันกลับพลิกไปอีกทาง แล้วทำได้ดีด้วย!

Love in the Big City เวอร์ชั่นหนังนี้ หยิบเอาแค่บทแรกของตัวนวนิยายมาเล่า โดยโฟกัสไปที่สายสัมพันธ์ของ “แจฮี” หญิงสาวที่ถูกใครๆ มองว่าแรง-แรด กินเหล้าเมามาย และเปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า กับ “ฮึงซู” เกย์หนุ่มที่ยังไม่เปิดตัว และสร้างกำแพงกับทุกคนเอาไว้ แล้วในคืนหนึ่งที่แจฮีได้ล่วงรู้ความลับถึงตัวตนที่แท้จริงของฮึงซู พร้อมกับประโยคที่แจฮีพูดออกมาด้วยความจริงใจว่า “การเป็นตัวของตัวเองจะเป็นจุดอ่อนได้ยังไง” มันก็ทำให้พวกเค้าค่อยๆ ผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกแปลกแยกจากสังคม ความสบายอกสบายใจที่ได้เป็นตัวเองเมื่ออยู่ด้วยกัน และความเข้าอกเข้าใจในความเจ็บปวดของกันและกัน มันก็ทำให้มิตรภาพของพวกเค้างอกเงย แต่แน่นอน มันจะมีบททดสอบมากมายเข้ามาให้พวกเค้าต้องเผชิญหน้า


ตัวเรื่องโฟกัสไปที่ Lee Harker เอฟบีไอสาวมือใหม่ ที่ต้องมารับหน้าที่ช่วยสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นมานานหลายสิบปี เมื่อมีการพบเจอศพของสมาชิกในครอบครัว อันมักจะประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และลูกสาว ถูกฆ่าตายยกครัวด้วยวิธีการน่าสยดสยอง ไม่มีร่องรอยการบุกรุกภายในบ้าน และวัตถุพยานบ่งชี้ว่าผู้ก่อการคือผู้เป็นพ่อ แต่ในที่เกิดเหตุมีจดหมายทิ้งเอาไว้ ด้วยรหัสแปลกประหลาด มีเพียงชื่อลงท้ายที่ว่า Longlegs เท่านั้นที่สามารถอ่านออกได้ แล้วในเมื่อ Lee มีสัมผัสพิเศษบางอย่าง เธอจึงเป็นเสมือนความหวังเดียวของคดีนี้ ทว่าเมื่อ Longlegs พยายามติดต่อกับเธอโดยตรง ก็ดูเหมือนว่าคดีวิปริตนี้อาจจะนำพาอันตรายมาสู่ตัวเธอ


นี่คือเรื่องราวของ Bella Baxter ที่ถูกชุบชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่ Godwin Baxter นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ พบร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวนิรนามที่ท้องแก่ใกล้คลอด แล้วตัดสินใจผ่าตัดเอาสมองของเด็กทารกในครรภ์มาใส่ในร่างของผู้เป็นแม่ จนเกิดเป็นชีวิตใหม่ และ Bella ก็กลายเป็นเด็กน้อยในร่างหญิงสาวสะสวย ที่ค่อยๆ เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการกิน เดิน พูด สื่อสาร ไปจนถึงเรื่องเพศ และแรงขับทางเพศ (ไม่ว่าจะเป็นของตัวเธอเอง หรือของคนอื่น) นี่เองที่พาเธอออกไปผจญภัยในโลกกว้าง


ทุกปีที่โรงเรียนประจำ Barton Academy นักเรียน ครู และพนักงานจะได้กลับบ้านช่วงปิดเทอมฤดูหนาว 2 สัปดาห์ แต่ทุกปีจะมีผู้โชคร้ายไม่ที่คนที่ไม่มีที่ไปในช่วงวันหยุด พวกนี้ถูกเรียกว่า “พวกตกค้าง” (The Holdovers) และในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บของปี 1970 นี้ Paul Hunham คุณครูวิชาประวัติศาสตร์ที่นักเรียนเกลียดและเพื่อนๆ ครูก็ไม่ชอบขี้หน้า ต้องมารับหน้าที่ดูแลเด็กๆ ที่ตกค้าง หนึ่งในนั้นก็คือ Angus นักเรียนหนุ่มที่ดูเหมือนตั้งกำแพงกับทุกคน และหงุดหงิดกับโลกใบนี้เหลือเกิน โดยมี Mary แม่บ้านผิวสีร่างใหญ่ช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินให้พวกเค้า แล้วคนสามคนที่ไม่น่าจะนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันได้ ก็ค่อยๆ ถักทอสายสัมพันธ์ เปิดรับ เรียนรู้ และมอบความหวังให้กัน


ถึงจะไม่อาจเรียกได้ว่า Twisters เป็นภาคต่อของ Twister หนังต้นฉบับปี 1996 ได้เต็มปากเต็มคำ เพราะไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงถึงกันเลย ตัวละครเก่าก็ไม่ได้กลับมา เส้นเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวพันกัน มีเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างชื่อ Dorothy ที่ใน Twisters หมายถึงอุปกรณ์ล้ำสมัยที่จะใช้จับลักษณะรูปทรงของพายุทอร์นาโดแบบ 3D หรือเสื้อผ้าของตัวละคร Kate ที่เหมือนกับตัวละครของ Helen Hunt ใน Twister แต่ที่เราชอบมากๆ ก็คือ การที่ผู้กำกับ Lee Isaac Chung (ผู้โด่งดังจาก Minari หนังรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ปี 2021) เลือกถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม ในรัฐ Oklahoma เพราะต้องการเก็บบรรยากาศและสีสันอันเป็นธรรมชาติของพื้นที่นี้ไว้ให้สมจริงที่สุด และมันก็คล้ายๆ การย้อนกลับไปเชิดชูภาคต้นของหนังคนคลั่งพายุนี้ด้วยเช่นกัน