- @TOM NEWS
- Jan-Feb 2022
แค่เพื่อนครับเพื่อน กับการตอกย้ำความสำเร็จของซีรีส์วาย
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ในความเรียบง่ายแสนธรรมดาของพล็อตตั้งต้นเรื่องที่คุ้นเคย กลับทวีความพิเศษในรายละเอียดมากขึ้นในแต่ละ EP ที่ผ่านไป รู้ตัวอีกที เราก็ตกหลุมรักตัวละคร บทสนทนา และลีลาการเล่าเรื่องที่ฉวัดเฉวียนของผู้กำกับอย่าง “พี่ออฟ - นพณัช ชัยวิมล” (จาก “นิทานพันดาว”) เข้าอีกแล้ว และแน่นอน ใครเล่าจะไม่รัก #โอมนนน
ภัทร และ ปราณ เป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับการแข่งขันเอาชนะกันในทุกเรื่อง เพราะแม้จะอยู่บ้านรั้วติดกัน แต่ครอบครัวของพวกเค้าเกลียดกันเข้าไส้ แต่แล้วมันก็มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้พวกเค้าเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกที เอาแค่พล็อตตรงนี้ มันก็ทั้งคุ้นทั้งเชยแล้วใช่ไหม แต่พอมันถูกเล่าด้วยการใส่รายละเอียดให้เส้นเรื่อง มอบมิติให้ตัวละคร และวางหมากวางปม หย่อนปริศนาตรงนั้นนิด เพิ่มลูกเล่นตรงนี้หน่อย มันก็ทำให้เราอยากติดตามเรื่องราวของพวกเค้าไปเรื่อยๆ จนสุดทาง (แม้จะถูกผู้กำกับเหวี่ยงอารมณ์ไปโหมดฟินจิกหมอนบ้าง ดราม่าน้ำตาหลากบ้าง อึดอัดสับสนบ้าง หรือแม้แต่โดนแกงหม้อใหญ่ใบเบ้อเริ่มใน EP 11 – 12 ก็ตามที)
ความพิเศษของ “แค่เพื่อนครับเพื่อน” ยังอยู่ที่มันสามารถทาบทับกับประสบการณ์ของตัวเราและคนดูทั่วๆ ไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยพบรักกับคนที่ครอบครัวเราเกลียดก็ตามทีเถอะ แล้วแม้จะมีความยาวแค่ 12 EP แต่ภัทรกับปราณก็ผ่านอะไรมามากมายจริงๆ ตั้งแต่การอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของเพื่อนๆ ต่างคณะ, ความสับสนในความรู้สึกของตัวเอง (ที่ฝั่งปราณก็เผชิญหน้ากับความหวั่นไหวแบบหนึ่ง ฝั่งภัทรก็เผชิญหน้ากับการทดสอบความรู้สึกตัวเองอีกแบบหนึ่ง), การง้องอนตามจีบกัน, การแอบคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ จนถูกเปิดเผยความสัมพันธ์, ความพยายามกอบกู้มิตรภาพกลับคืนมาจากเพื่อนรัก, เรื่องเฉียดตาย ไปจนถึงการปะทะกับปมใหญ่ที่สุดของเรื่องก็คือ ปัญหาความขัดแย้งของสองครอบครัว โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันทำให้เรื่องรักของพวกเค้าพิเศษกว่าเรื่องรักวัยรุ่นธรรมดาๆ ไปมากทีเดียว และทำให้เราเชื่อว่าพวกเค้าทั้งรักทั้งผูกพันกันมากจริงๆ
โอม - ภวัต จิตต์สว่างดี มอบเสน่ห์ให้ตัวละครภัทรได้แบบที่นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าไม่ใช่โอมแล้วจะเป็นใคร ความเป็นผู้ชายขี้เล่น ขี้อ้อน กวนตีน แต่ก็พร้อมจะปกป้อง และดูแลเราได้เสมอ โอ้โห นี่มันแฟนในฝัน แล้วในบทที่ดูไม่มีอะไร ดูเล่นง่ายๆ เฮฮาไปเรื่อยๆ พอถึงพาร์ตดราม่า โอมก็มอบการแสดงที่ทำให้เรารู้ว่าตัวละครกำลังรู้สึกอะไร โดยไม่ต้องมีบทสนทนาแม้แต่คำเดียว มหัศจรรย์ไปยิ่งกว่านั้นคือ ความรู้สึกที่ว่ามันไม่ได้มาแค่เลเยอร์เดียว แต่มันมาที 3 – 4 เลเยอร์ เราจะมองเห็นกราฟความรู้สึกของตัวละครที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป โดยไม่มีบทพูดเลยแม้แต่คำเดียว! เช่นเดียวกับ นนน - กรภัทร์ เกิดพันธุ์ ที่ทำให้ตัวละครปราณเป็นที่รักของคนดูได้ทุกคน ทั้งพาร์ตดราม่าหนักๆ ที่ตัวละครต้องรับมือหลายครั้งหลายหน น้ำตาที่ไหลแต่ละครั้งของตัวละครบอกเล่าอะไรมากมาย และมันไม่ใช่การร้องไห้แบบเดิมเลยสักครั้ง ส่วนพาร์ตน่ารักน่าหยิก เมื่อปราณอยู่กับภัทรก็ทำให้เราเข้าใจเหลือเกินว่า ตัวละครมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วนะ ตัวละครที่มันมีความกรุ้มกริ่ม เล่นเกมเป็น และรู้จักยั่วยวนด้วยเสน่ห์ของตัวเองแบบนี้ ถ้าเล่นเกินไปนิดเดียว มันก็จะไปอยู่ในกลุ่มตัวละครน่าหมั่นไส้ได้ง่ายๆ แต่นนนทำได้ดีเหลือเกิน ใช่ ต้องย้ำด้วยว่า เคมีของทั้งคู่คือสิ่งดีงาม!
พูดอย่างตรงไปตรงมา #แค่เพื่อนครับเพื่อน อาจจะไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ แต่มันก็มอบประสบการณ์แสนพิเศษให้กับเรา และพูดได้เต็มปากว่ามันทำให้เราตกหลุมรักซีรีส์วายไทยได้อีกครั้ง
ในความเรียบง่ายแสนธรรมดาของพล็อตตั้งต้นเรื่องที่คุ้นเคย กลับทวีความพิเศษในรายละเอียดมากขึ้นในแต่ละ EP ที่ผ่านไป รู้ตัวอีกที เราก็ตกหลุมรักตัวละคร บทสนทนา และลีลาการเล่าเรื่องที่ฉวัดเฉวียนของผู้กำกับอย่าง “พี่ออฟ - นพณัช ชัยวิมล” (จาก “นิทานพันดาว”) เข้าอีกแล้ว และแน่นอน ใครเล่าจะไม่รัก #โอมนนน
ภัทร และ ปราณ เป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับการแข่งขันเอาชนะกันในทุกเรื่อง เพราะแม้จะอยู่บ้านรั้วติดกัน แต่ครอบครัวของพวกเค้าเกลียดกันเข้าไส้ แต่แล้วมันก็มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้พวกเค้าเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกที เอาแค่พล็อตตรงนี้ มันก็ทั้งคุ้นทั้งเชยแล้วใช่ไหม แต่พอมันถูกเล่าด้วยการใส่รายละเอียดให้เส้นเรื่อง มอบมิติให้ตัวละคร และวางหมากวางปม หย่อนปริศนาตรงนั้นนิด เพิ่มลูกเล่นตรงนี้หน่อย มันก็ทำให้เราอยากติดตามเรื่องราวของพวกเค้าไปเรื่อยๆ จนสุดทาง (แม้จะถูกผู้กำกับเหวี่ยงอารมณ์ไปโหมดฟินจิกหมอนบ้าง ดราม่าน้ำตาหลากบ้าง อึดอัดสับสนบ้าง หรือแม้แต่โดนแกงหม้อใหญ่ใบเบ้อเริ่มใน EP 11 – 12 ก็ตามที)
ความพิเศษของ “แค่เพื่อนครับเพื่อน” ยังอยู่ที่มันสามารถทาบทับกับประสบการณ์ของตัวเราและคนดูทั่วๆ ไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยพบรักกับคนที่ครอบครัวเราเกลียดก็ตามทีเถอะ แล้วแม้จะมีความยาวแค่ 12 EP แต่ภัทรกับปราณก็ผ่านอะไรมามากมายจริงๆ ตั้งแต่การอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของเพื่อนๆ ต่างคณะ, ความสับสนในความรู้สึกของตัวเอง (ที่ฝั่งปราณก็เผชิญหน้ากับความหวั่นไหวแบบหนึ่ง ฝั่งภัทรก็เผชิญหน้ากับการทดสอบความรู้สึกตัวเองอีกแบบหนึ่ง), การง้องอนตามจีบกัน, การแอบคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ จนถูกเปิดเผยความสัมพันธ์, ความพยายามกอบกู้มิตรภาพกลับคืนมาจากเพื่อนรัก, เรื่องเฉียดตาย ไปจนถึงการปะทะกับปมใหญ่ที่สุดของเรื่องก็คือ ปัญหาความขัดแย้งของสองครอบครัว โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันทำให้เรื่องรักของพวกเค้าพิเศษกว่าเรื่องรักวัยรุ่นธรรมดาๆ ไปมากทีเดียว และทำให้เราเชื่อว่าพวกเค้าทั้งรักทั้งผูกพันกันมากจริงๆ
โอม - ภวัต จิตต์สว่างดี มอบเสน่ห์ให้ตัวละครภัทรได้แบบที่นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าไม่ใช่โอมแล้วจะเป็นใคร ความเป็นผู้ชายขี้เล่น ขี้อ้อน กวนตีน แต่ก็พร้อมจะปกป้อง และดูแลเราได้เสมอ โอ้โห นี่มันแฟนในฝัน แล้วในบทที่ดูไม่มีอะไร ดูเล่นง่ายๆ เฮฮาไปเรื่อยๆ พอถึงพาร์ตดราม่า โอมก็มอบการแสดงที่ทำให้เรารู้ว่าตัวละครกำลังรู้สึกอะไร โดยไม่ต้องมีบทสนทนาแม้แต่คำเดียว มหัศจรรย์ไปยิ่งกว่านั้นคือ ความรู้สึกที่ว่ามันไม่ได้มาแค่เลเยอร์เดียว แต่มันมาที 3 – 4 เลเยอร์ เราจะมองเห็นกราฟความรู้สึกของตัวละครที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป โดยไม่มีบทพูดเลยแม้แต่คำเดียว! เช่นเดียวกับ นนน - กรภัทร์ เกิดพันธุ์ ที่ทำให้ตัวละครปราณเป็นที่รักของคนดูได้ทุกคน ทั้งพาร์ตดราม่าหนักๆ ที่ตัวละครต้องรับมือหลายครั้งหลายหน น้ำตาที่ไหลแต่ละครั้งของตัวละครบอกเล่าอะไรมากมาย และมันไม่ใช่การร้องไห้แบบเดิมเลยสักครั้ง ส่วนพาร์ตน่ารักน่าหยิก เมื่อปราณอยู่กับภัทรก็ทำให้เราเข้าใจเหลือเกินว่า ตัวละครมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วนะ ตัวละครที่มันมีความกรุ้มกริ่ม เล่นเกมเป็น และรู้จักยั่วยวนด้วยเสน่ห์ของตัวเองแบบนี้ ถ้าเล่นเกินไปนิดเดียว มันก็จะไปอยู่ในกลุ่มตัวละครน่าหมั่นไส้ได้ง่ายๆ แต่นนนทำได้ดีเหลือเกิน ใช่ ต้องย้ำด้วยว่า เคมีของทั้งคู่คือสิ่งดีงาม!
พูดอย่างตรงไปตรงมา #แค่เพื่อนครับเพื่อน อาจจะไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ แต่มันก็มอบประสบการณ์แสนพิเศษให้กับเรา และพูดได้เต็มปากว่ามันทำให้เราตกหลุมรักซีรีส์วายไทยได้อีกครั้ง