- @TOM NEWS
- Feb 2021
The Cornered Mouse Dreams of Cheese ดำดิ่งในความสัมพันธ์ของสองหนุ่ม
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
เหมือนจะคลิเช่แต่ก็ไม่ เหมือนจะไม่มีอะไรใหม่ แต่ก็ใหม่มาก ในแง่ของประเด็น รายละเอียด มวลอารมณ์ความรู้สึก พัฒนาการของตัวละคร และความเป็นเกย์ในบริบทสังคมญี่ปุ่น ที่สำคัญ The Cornered Mouse Dreams of Cheese จะติดลิสต์หนังโปรดประจำปีของเราแน่นอน
เคียวอิจิ โอโตโมะ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่แอบนอกใจภรรยาเสมอ ได้พบกับ วาตารุ อิมางาเซะ รุ่นน้องสมัยเรียนมหา’ลัย ที่ตอนนี้ทำงานเป็นนักสืบเอกชน ซึ่งตั้งใจมายื่นข้อเสนอกับเค้าว่าจะไม่เอาเรื่องที่เขานอกใจภรรยาไปเปิดเผย โดยแลกกับการที่เค้าจะต้องยอมจูบกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้! แล้วเรื่องมันก็ค่อยๆ เลยเถิดไปเรื่อยๆ จนเกินกว่าที่ทั้งคู่จะคาดคิด
เพราะตัวละครมันเป็นสีเทาๆ ทั้งสองฝั่ง มันก็เลยมีเลือดเนื้อและชีวิตชีวา (แม้คำว่าชีวิตชีวาในที่นี้จะอยู่ในด้านหม่นเศร้ามากกว่าสว่างสดใสก็ตาม) แล้วมันก็ทำให้เรื่องสนุกและยากจะคาดเดาด้วย รู้สึกเหมือนเหมือนกับว่าทั้งเคียวอิจิ และวาตารุ ต่างก็เป็นตัวละครนำในเรื่องนี้ ทั้งคู่ต่างมีเส้นเรื่องของตัวเอง มีช่วงเวลาของตัวเองบนจอ และเราก็รักทั้งคู่มาก
โอคุระ ทะดะโยชิ สมาชิกวง Kanjani Eight รับบทเป็นเคียวอิจิได้น่าจำจด คือเราได้เห็นพัฒนาตัวละคร ตั้งแต่เป็นชายหนุ่มรักสนุก เห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อทุกสิ่ง ปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามสถานการณ์เพื่อเอาตัวรอด และรู้สึกดีที่ยังมีคนที่รักอยู่ สู่ภาวะที่เหมือนจะสับสน แต่ก็ไม่ จะเลือกทางเดินแล้ว แต่ก็ยัง ช่วงเวลาที่เค้าค่อยๆ ดำดิ่งกับความเศร้า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบอะไรก็ได้ ก่อนจะมาถึงช่วงท้ายที่ตัวละครตัดสินใจอีกครั้ง ความยากคือตัวละครเคียวอิจิมันไม่ค่อยพูด เอาแต่เก็บงำ และทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่จริงๆ แล้วรู้สึก! ชอบการเดินทางของตัวละครมาก มันซ้ำซากแล้วเคยเห็นมาแล้วแหละกับตัวละครเจ้าชู้ ไม่เคยรู้จักความรัก ก่อนจะได้ค่อยๆ เปิดใจ เรียนรู้คำว่ารักในท้ายที่สุด แต่พอมันมีประเด็นเรื่องการ Come Out และการทดลองอะไรบางอย่างของตัวละคร เราก็เลยชอบมาก แล้วโอคุระก็ทำได้ดีมาก เป็นตัวละครที่เราเริ่มต้นจากความเกลียด สู่ความเฉยๆ แล้วก็รักในที่สุด
ที่กรี๊ดที่สุดก็คือ เรียว นาริตะ (คนนี้ปลื้มมาตั้งแต่ตอน Farewell Song แล้ว) กับบทวาตารุ โอ้โห ช่างเป็นตัวละครที่ผสมผเสทั้งความร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ เปราะบาง เจ็บปวด น่ารักน่าชัง และมีเสน่ห์อะไรได้มากขนาดนี้ ในเกมจิตวิทยา การรุกคืบโดยไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น พยายามครอบครองอะไรที่ใกล้เคียงกับนิยามว่าความรักจากอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ยินยอมรับความเจ็บปวด และแตกสลาย แล้วเรียวก็ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาละเอียดลอองดงามเหลือเกิน แรงปรารถนา ความสุข ความเศร้า ความโหยหา ความเจ็บปวด ปรากฏอยู่ในสีหน้า แววตา และอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวที่เราปลาบปลื้มมาก
เซอร์ไพร์สมากที่เราชอบตัวละครหญิงทุกตัวในเรื่องเลย การมีอยู่ของพวกเธอล้วนเล่าเรื่อง มีความสำคัญ และทำให้อะไรบางอย่างกระจ่างชัด ถึงแม้ว่าวาตารุจะเอ่ยว่า “รุ่นพี่ชอบผู้หญิงแบบเดียวกันมาตลอดเลย” แต่พวกเธอทั้ง 3 – 4 คน ก็มีความต่าง เราชอบรุ่นพี่ผู้หญิงที่เล่นเกมจิตวิทยากับวาตารุบนโต๊ะอาหารมาก เป็นตัวละครที่รบราปะทะกับวาตารุได้สมน้ำสมเนื้อ ในทางตรงกันข้าม ตัวละครเด็กสาวที่ทำงานของเคียวอิจิก็กลายเป็นสิ่งที่วาตารุไม่รู้จะจัดการได้อย่างไร
ให้สัมภาษณ์ในฐานะนักวิจารณ์ #ชีวิตผมก็เหมือนหนัง หลังจากดูหนังจบไว้ว่า “มีหลายฉากที่ดีมากๆ ฉากจิ้นชวนฟินต่างๆ มันดีมากอยู่แล้ว แต่ฉากที่ตัวละครดำดิ่งในความสัมพันธ์ มันดีกว่าอีก” ก็อยากให้ไปพิสูจน์กันในโรงภาพยนตร์ เข้าฉายแล้ววันนี้
เหมือนจะคลิเช่แต่ก็ไม่ เหมือนจะไม่มีอะไรใหม่ แต่ก็ใหม่มาก ในแง่ของประเด็น รายละเอียด มวลอารมณ์ความรู้สึก พัฒนาการของตัวละคร และความเป็นเกย์ในบริบทสังคมญี่ปุ่น ที่สำคัญ The Cornered Mouse Dreams of Cheese จะติดลิสต์หนังโปรดประจำปีของเราแน่นอน
เคียวอิจิ โอโตโมะ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่แอบนอกใจภรรยาเสมอ ได้พบกับ วาตารุ อิมางาเซะ รุ่นน้องสมัยเรียนมหา’ลัย ที่ตอนนี้ทำงานเป็นนักสืบเอกชน ซึ่งตั้งใจมายื่นข้อเสนอกับเค้าว่าจะไม่เอาเรื่องที่เขานอกใจภรรยาไปเปิดเผย โดยแลกกับการที่เค้าจะต้องยอมจูบกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้! แล้วเรื่องมันก็ค่อยๆ เลยเถิดไปเรื่อยๆ จนเกินกว่าที่ทั้งคู่จะคาดคิด
เพราะตัวละครมันเป็นสีเทาๆ ทั้งสองฝั่ง มันก็เลยมีเลือดเนื้อและชีวิตชีวา (แม้คำว่าชีวิตชีวาในที่นี้จะอยู่ในด้านหม่นเศร้ามากกว่าสว่างสดใสก็ตาม) แล้วมันก็ทำให้เรื่องสนุกและยากจะคาดเดาด้วย รู้สึกเหมือนเหมือนกับว่าทั้งเคียวอิจิ และวาตารุ ต่างก็เป็นตัวละครนำในเรื่องนี้ ทั้งคู่ต่างมีเส้นเรื่องของตัวเอง มีช่วงเวลาของตัวเองบนจอ และเราก็รักทั้งคู่มาก
โอคุระ ทะดะโยชิ สมาชิกวง Kanjani Eight รับบทเป็นเคียวอิจิได้น่าจำจด คือเราได้เห็นพัฒนาตัวละคร ตั้งแต่เป็นชายหนุ่มรักสนุก เห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อทุกสิ่ง ปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามสถานการณ์เพื่อเอาตัวรอด และรู้สึกดีที่ยังมีคนที่รักอยู่ สู่ภาวะที่เหมือนจะสับสน แต่ก็ไม่ จะเลือกทางเดินแล้ว แต่ก็ยัง ช่วงเวลาที่เค้าค่อยๆ ดำดิ่งกับความเศร้า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบอะไรก็ได้ ก่อนจะมาถึงช่วงท้ายที่ตัวละครตัดสินใจอีกครั้ง ความยากคือตัวละครเคียวอิจิมันไม่ค่อยพูด เอาแต่เก็บงำ และทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่จริงๆ แล้วรู้สึก! ชอบการเดินทางของตัวละครมาก มันซ้ำซากแล้วเคยเห็นมาแล้วแหละกับตัวละครเจ้าชู้ ไม่เคยรู้จักความรัก ก่อนจะได้ค่อยๆ เปิดใจ เรียนรู้คำว่ารักในท้ายที่สุด แต่พอมันมีประเด็นเรื่องการ Come Out และการทดลองอะไรบางอย่างของตัวละคร เราก็เลยชอบมาก แล้วโอคุระก็ทำได้ดีมาก เป็นตัวละครที่เราเริ่มต้นจากความเกลียด สู่ความเฉยๆ แล้วก็รักในที่สุด
ที่กรี๊ดที่สุดก็คือ เรียว นาริตะ (คนนี้ปลื้มมาตั้งแต่ตอน Farewell Song แล้ว) กับบทวาตารุ โอ้โห ช่างเป็นตัวละครที่ผสมผเสทั้งความร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ เปราะบาง เจ็บปวด น่ารักน่าชัง และมีเสน่ห์อะไรได้มากขนาดนี้ ในเกมจิตวิทยา การรุกคืบโดยไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น พยายามครอบครองอะไรที่ใกล้เคียงกับนิยามว่าความรักจากอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ยินยอมรับความเจ็บปวด และแตกสลาย แล้วเรียวก็ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาละเอียดลอองดงามเหลือเกิน แรงปรารถนา ความสุข ความเศร้า ความโหยหา ความเจ็บปวด ปรากฏอยู่ในสีหน้า แววตา และอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวที่เราปลาบปลื้มมาก
เซอร์ไพร์สมากที่เราชอบตัวละครหญิงทุกตัวในเรื่องเลย การมีอยู่ของพวกเธอล้วนเล่าเรื่อง มีความสำคัญ และทำให้อะไรบางอย่างกระจ่างชัด ถึงแม้ว่าวาตารุจะเอ่ยว่า “รุ่นพี่ชอบผู้หญิงแบบเดียวกันมาตลอดเลย” แต่พวกเธอทั้ง 3 – 4 คน ก็มีความต่าง เราชอบรุ่นพี่ผู้หญิงที่เล่นเกมจิตวิทยากับวาตารุบนโต๊ะอาหารมาก เป็นตัวละครที่รบราปะทะกับวาตารุได้สมน้ำสมเนื้อ ในทางตรงกันข้าม ตัวละครเด็กสาวที่ทำงานของเคียวอิจิก็กลายเป็นสิ่งที่วาตารุไม่รู้จะจัดการได้อย่างไร
ให้สัมภาษณ์ในฐานะนักวิจารณ์ #ชีวิตผมก็เหมือนหนัง หลังจากดูหนังจบไว้ว่า “มีหลายฉากที่ดีมากๆ ฉากจิ้นชวนฟินต่างๆ มันดีมากอยู่แล้ว แต่ฉากที่ตัวละครดำดิ่งในความสัมพันธ์ มันดีกว่าอีก” ก็อยากให้ไปพิสูจน์กันในโรงภาพยนตร์ เข้าฉายแล้ววันนี้