- @TOM NEWS
- Aug 2023
30th การแสดงเล่นเดี่ยวความยาว 5 ชั่วโมงที่ทั้งบันเทิง เจ็บปวด และอบอุ่น
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
พอรู้ว่าจะต้องดูการแสดงเดี่ยวที่มีความยาว 5 ชั่วโมงแบบไม่มีเบรกพัก สิ่งที่ทางเราต้องเตรียมตัวก็คือ ฟิตร่างกายให้พร้อม นอนให้เต็มอิ่ม เติมคาเฟอีน หาอะไรกินให้เรียบร้อยก่อนเข้าโรงละคร ส่วนทางด้านจิตใจนั้น เราเปิดกว้างเต็มที่ เพราะรอบที่เราได้ดูนั้นคือรอบสื่อมวลชน (วันที่ 26 กรกฎาคม) ก็เลยไม่ได้มีข้อมูลอะไรให้เตรียมใจสักเท่าไหร่ ไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้าง ดังนั้น เราเลยเปิดใจพร้อมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ “ปฏิพล (มิสโอ๊ต) อัศวมหาพงษ์” จัดให้ในการแสดงชุดนี้แบบพร้อมจอย! แล้วก็จอยมากจริงๆ ด้วย!
ในบรรยากาศที่เราถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของมิสโอ๊ตในวัย 30 ปี เราสามารถเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ในพื้นที่ จะเดินเข้าออกตอนไหนก็ได้ (เพราะพื้นที่ด้านนอกก็มีจอให้ดูบรรยากาศที่เกิดขึ้นภายในจัดเตรียมไว้ในกรณีที่อยากออกมายืดเส้นยืดสายด้านนอก) มีเครื่องดื่มเย็นๆ ที่บาร์ด้านนอกให้เลือกจิบดับกระหาย (แล้วก็ถือเข้าไปนั่งดื่มด้านในได้ด้วย) มากไปกว่านั้น ผู้ชมทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับการแสดงชิ้นนี้ได้ เพราะมันคือคาราโอเกะไนท์ ที่มิสโอ๊ตและพวกเราจะร่วมกันร้องเพลงไปด้วยกันตลอดค่ำคืน พร้อมกับทำความรู้จักตัวตนของมิสโอ๊ตให้มากขึ้น ผ่านไทม์ไลน์สำคัญๆ ในชีวิตของมิสโอ๊ต ที่บางคราวมันก็ทาบทับและส่องสะท้อนชีวิตของเราด้วยเช่นกัน
ในความสนุกสนานบันเทิงเริงใจของการช่วยกันเลือกเพลง จับไมค์โชว์สกิลการเป็นนักร้องของมิสโอ๊ตและคนดูมากหน้าหลายตา หัวเราะกับเพลงที่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครร้อง ทึ่งกับทักษะการร้องเพลงของคนที่ไม่รู้จักมาก่อน หรือขบขันไปกับมุกตลกเรียกเสียงฮาของมิสโอ๊ตที่ดูผ่อนคลายกับพื้นที่ของตัวเอง อยู่ๆ พวกเราก็ถูกคั่นจังหวะด้วยภาพและเสียงที่ดึงความสนใจและกระตุกอารมณ์ให้อยู่ในโหมดสับสน งงงวย และดำดิ่งสู่ความคิดความทรงจำของตัวเราเอง เพราะในขณะที่มิสโอ๊ตกำลังเล่าเรื่องของตัวเองหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงวัยต่างๆ เราก็มักจะคิดเปรียบเทียบตัวเองไปด้วยว่า ในวันนั้นวัยนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และรู้สึกเช่นไรกับเหตุการณ์นั้นๆ นะ แล้วในช่วงวัยเลข 4 ของตัวเราเอง พอทุกเหตุการณ์สำคัญที่มิสโอ๊ตเลือกมามันพัวพันกับความตายไปเสียเกือบทั้งหมด เราก็ยิ่งดิ่งและครุ่นคิดถึงความตายและการมีชีวิตอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงจุดนึง ผู้ชมทั้งหมดก็พอจะจับทางและรู้คิวในงานชิ้นนี้ คือถ้ามีใครสักคนกำลังร้องเพลงอยู่แล้วเกิดมีการขัดจังหวะด้วยจอภาพและเสียงบนจอ เราจะรู้กันโดยปริยายว่าต้องวางไมค์ แล้วปล่อยให้งานภาพและเสียงบนจอโปรเจกเตอร์ได้ทำงาน จากนั้นมิสโอ๊ตจะเลือกเพลงที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์นั้นๆ เพื่อขับร้องหนึ่งเพลง แล้วปล่อยให้พวกเราได้เข้าสู่โหมดปาร์ตี้คาราโอเกะกันต่อ ที่ตลกก็คือ พอหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือการทำรัฐประหาร พ.ศ. 2557 มันก็ทำให้บรรยากาศในคืนวันเหล่านั้นกลับมาสมจริงอีกครั้ง ความรู้สึกต่างๆ นานาประดังประเดเข้ามา เมื่อการใช้ชีวิตของพวกเราถูกขัดจังหวะด้วยประกาศจาก คสช. หรือที่จริง เหตุการณ์ข่าวต่างๆ ที่ถูกแทรกเข้ามาเป็นระยะ มันก็ล้วนสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกของพวกเราทุกคน ทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเราเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทั้งนั้น
เชื่อว่ามวลอารมณ์และบรรยากาศของ 30th ในแต่ละรอบจะไม่เหมือนกันเลย ด้วยผู้ชมที่แตกต่างกันไป แล้วมันก็น่าจะมีเมจิกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบแบบไม่เหมือนกันเลยด้วย อย่างรอบวันที่ 26 กรกฎาคม การเลือกเพลงกะเท๊ยกะเทย สลับไปมากับเพลงกลุ่มชายแท้ เป็นอะไรที่บันเทิงมาก การลุกขึ้นโชว์เพลงหมวดมิวสิคัลพร้อมการแสดงวาดลีลาแบบยึดโชว์ของผู้ชมมันเริ่ดมาก มิตรภาพที่เกิดขึ้นใหม่ระหว่างผู้ชมที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมันงดงามอยู่แล้ว และการแตกสลายของมิสโอ๊ตจนไม่สามารถร้องเพลงต่อได้ แล้วหนึ่งในผู้ชมคว้าไมค์มาช่วยร้อง แล้วลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนมิสโอ๊ตมันช่างอบอุ่นใจเหลือเกิน
ทบทวนความรู้สึกของตัวเองหลังจบการแสดง ในฐานะคนชอบฟังเพลง เราสนุกกับมันมาก แม้จะไม่ได้จับไมค์ร้องอะไรเลยสักเพลงก็ตาม ในฐานะคนชอบสังเกตสังกาผู้คน การได้เฝ้ามองทั้งมิสโอ๊ตและผู้ชมคนดูมันก็เพลิดเพลินดี แล้วที่สำคัญการได้ฟังมิสโอ๊ตแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตของตัวเองอย่างซื่อตรงจริงใจเหมือนกับการแสดงก่อนๆ พร้อมกับได้ย้อนมองกลับมาที่ตัวเราเอง มันก็ทำให้เรารักงานชิ้นนี้มาก
30th : 'If I Can’t Sing, I Don’t Want To Be Part Of Your Revolution.' A Durational Solo Performance. ยังทำการแสดงอีก 7 รอบ ระหว่างวันที่ 4 - 6 และ 10 - 13 สิงหาคมนี้ เวลา 19.00 น. – 00.00 น. ณ SOULSMITH (ใกล้ ICONSIAM) รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/MissTheatre
พอรู้ว่าจะต้องดูการแสดงเดี่ยวที่มีความยาว 5 ชั่วโมงแบบไม่มีเบรกพัก สิ่งที่ทางเราต้องเตรียมตัวก็คือ ฟิตร่างกายให้พร้อม นอนให้เต็มอิ่ม เติมคาเฟอีน หาอะไรกินให้เรียบร้อยก่อนเข้าโรงละคร ส่วนทางด้านจิตใจนั้น เราเปิดกว้างเต็มที่ เพราะรอบที่เราได้ดูนั้นคือรอบสื่อมวลชน (วันที่ 26 กรกฎาคม) ก็เลยไม่ได้มีข้อมูลอะไรให้เตรียมใจสักเท่าไหร่ ไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้าง ดังนั้น เราเลยเปิดใจพร้อมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ “ปฏิพล (มิสโอ๊ต) อัศวมหาพงษ์” จัดให้ในการแสดงชุดนี้แบบพร้อมจอย! แล้วก็จอยมากจริงๆ ด้วย!
ในบรรยากาศที่เราถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของมิสโอ๊ตในวัย 30 ปี เราสามารถเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ในพื้นที่ จะเดินเข้าออกตอนไหนก็ได้ (เพราะพื้นที่ด้านนอกก็มีจอให้ดูบรรยากาศที่เกิดขึ้นภายในจัดเตรียมไว้ในกรณีที่อยากออกมายืดเส้นยืดสายด้านนอก) มีเครื่องดื่มเย็นๆ ที่บาร์ด้านนอกให้เลือกจิบดับกระหาย (แล้วก็ถือเข้าไปนั่งดื่มด้านในได้ด้วย) มากไปกว่านั้น ผู้ชมทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับการแสดงชิ้นนี้ได้ เพราะมันคือคาราโอเกะไนท์ ที่มิสโอ๊ตและพวกเราจะร่วมกันร้องเพลงไปด้วยกันตลอดค่ำคืน พร้อมกับทำความรู้จักตัวตนของมิสโอ๊ตให้มากขึ้น ผ่านไทม์ไลน์สำคัญๆ ในชีวิตของมิสโอ๊ต ที่บางคราวมันก็ทาบทับและส่องสะท้อนชีวิตของเราด้วยเช่นกัน
ในความสนุกสนานบันเทิงเริงใจของการช่วยกันเลือกเพลง จับไมค์โชว์สกิลการเป็นนักร้องของมิสโอ๊ตและคนดูมากหน้าหลายตา หัวเราะกับเพลงที่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครร้อง ทึ่งกับทักษะการร้องเพลงของคนที่ไม่รู้จักมาก่อน หรือขบขันไปกับมุกตลกเรียกเสียงฮาของมิสโอ๊ตที่ดูผ่อนคลายกับพื้นที่ของตัวเอง อยู่ๆ พวกเราก็ถูกคั่นจังหวะด้วยภาพและเสียงที่ดึงความสนใจและกระตุกอารมณ์ให้อยู่ในโหมดสับสน งงงวย และดำดิ่งสู่ความคิดความทรงจำของตัวเราเอง เพราะในขณะที่มิสโอ๊ตกำลังเล่าเรื่องของตัวเองหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงวัยต่างๆ เราก็มักจะคิดเปรียบเทียบตัวเองไปด้วยว่า ในวันนั้นวัยนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และรู้สึกเช่นไรกับเหตุการณ์นั้นๆ นะ แล้วในช่วงวัยเลข 4 ของตัวเราเอง พอทุกเหตุการณ์สำคัญที่มิสโอ๊ตเลือกมามันพัวพันกับความตายไปเสียเกือบทั้งหมด เราก็ยิ่งดิ่งและครุ่นคิดถึงความตายและการมีชีวิตอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงจุดนึง ผู้ชมทั้งหมดก็พอจะจับทางและรู้คิวในงานชิ้นนี้ คือถ้ามีใครสักคนกำลังร้องเพลงอยู่แล้วเกิดมีการขัดจังหวะด้วยจอภาพและเสียงบนจอ เราจะรู้กันโดยปริยายว่าต้องวางไมค์ แล้วปล่อยให้งานภาพและเสียงบนจอโปรเจกเตอร์ได้ทำงาน จากนั้นมิสโอ๊ตจะเลือกเพลงที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์นั้นๆ เพื่อขับร้องหนึ่งเพลง แล้วปล่อยให้พวกเราได้เข้าสู่โหมดปาร์ตี้คาราโอเกะกันต่อ ที่ตลกก็คือ พอหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือการทำรัฐประหาร พ.ศ. 2557 มันก็ทำให้บรรยากาศในคืนวันเหล่านั้นกลับมาสมจริงอีกครั้ง ความรู้สึกต่างๆ นานาประดังประเดเข้ามา เมื่อการใช้ชีวิตของพวกเราถูกขัดจังหวะด้วยประกาศจาก คสช. หรือที่จริง เหตุการณ์ข่าวต่างๆ ที่ถูกแทรกเข้ามาเป็นระยะ มันก็ล้วนสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกของพวกเราทุกคน ทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเราเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทั้งนั้น
เชื่อว่ามวลอารมณ์และบรรยากาศของ 30th ในแต่ละรอบจะไม่เหมือนกันเลย ด้วยผู้ชมที่แตกต่างกันไป แล้วมันก็น่าจะมีเมจิกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบแบบไม่เหมือนกันเลยด้วย อย่างรอบวันที่ 26 กรกฎาคม การเลือกเพลงกะเท๊ยกะเทย สลับไปมากับเพลงกลุ่มชายแท้ เป็นอะไรที่บันเทิงมาก การลุกขึ้นโชว์เพลงหมวดมิวสิคัลพร้อมการแสดงวาดลีลาแบบยึดโชว์ของผู้ชมมันเริ่ดมาก มิตรภาพที่เกิดขึ้นใหม่ระหว่างผู้ชมที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมันงดงามอยู่แล้ว และการแตกสลายของมิสโอ๊ตจนไม่สามารถร้องเพลงต่อได้ แล้วหนึ่งในผู้ชมคว้าไมค์มาช่วยร้อง แล้วลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนมิสโอ๊ตมันช่างอบอุ่นใจเหลือเกิน
ทบทวนความรู้สึกของตัวเองหลังจบการแสดง ในฐานะคนชอบฟังเพลง เราสนุกกับมันมาก แม้จะไม่ได้จับไมค์ร้องอะไรเลยสักเพลงก็ตาม ในฐานะคนชอบสังเกตสังกาผู้คน การได้เฝ้ามองทั้งมิสโอ๊ตและผู้ชมคนดูมันก็เพลิดเพลินดี แล้วที่สำคัญการได้ฟังมิสโอ๊ตแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตของตัวเองอย่างซื่อตรงจริงใจเหมือนกับการแสดงก่อนๆ พร้อมกับได้ย้อนมองกลับมาที่ตัวเราเอง มันก็ทำให้เรารักงานชิ้นนี้มาก
30th : 'If I Can’t Sing, I Don’t Want To Be Part Of Your Revolution.' A Durational Solo Performance. ยังทำการแสดงอีก 7 รอบ ระหว่างวันที่ 4 - 6 และ 10 - 13 สิงหาคมนี้ เวลา 19.00 น. – 00.00 น. ณ SOULSMITH (ใกล้ ICONSIAM) รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/MissTheatre