- @TOM NEWS
- Jun-Jul 2021
I Care a Lot เลสเบี้ยนวายร้ายผู้ทะเยอทะยานเพื่อความเป็นหนึ่ง
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ทุกกฎหมายมีช่องโหว่ และมนุษย์ก็สามารถหาช่องโหว่นั้นเพื่อตักตวงกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตัวเองได้เสมอ ไม่สิ! หลายครั้ง ก็มนุษย์จอมเจ้าเล่ห์นี่แหละที่ใช้อำนาจสร้างช่องโหว่นั้นขึ้นมาเองด้วยซ้ำ เหมือนกับกฎหมายผู้พิทักษ์ที่ถูกหยิบมาพูดถึงใน I Care a Lot ซึ่ง J Blakeson ผู้กำกับ/เขียนบท ได้แรงบันดาลใจมาจากคดีจริงที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้ เรื่องของกฎหมายผู้พิทักษ์ก็ฉาวโฉ่ขึ้นมาอีกครั้งกับ #FreeBritney
Marla Grayson หญิงสาวผู้ทำงานที่ผู้พิพากษาชื่นชมว่าช่างมีเมตตาเหลือเกิน เพราะเธอได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดูแลเหล่าคนชราที่อ่อนแอ เจ็บป่วย หรือไม่สามารถดูแลตัวเองได้ บ้างมีอาการทางสมอง บ้างนอนติดเตียง และหลายรายปราศจากลูกหลานคอยดูแล แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์” (The Guardian) อย่างเธอที่จะเข้ามาช่วยเหลือจัดการส่งตัวพวกเค้าเข้าสู่บ้านพักคนชรา ดูแลเรื่องจิปาถะต่างๆ ตามกฎหมาย รวมถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วย ทว่า Marla ไม่ใช่นักบุญอย่างที่ใครคิด เธอเป็นนักธุรกิจ ... ไม่สิ! เธอเป็นอาชญากรต่างหาก เพราะเธอและ Fran คนรักสาวจับมือร่วมกับคุณหมอที่ดูแลผู้สูงอายุ มองหาคนแก่รวยๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จัดการส่งเรื่องขึ้นศาลเพื่อให้พิจารณาส่งตัวพวกเค้าไปอยู่บ้านพักคนชรา แล้วเธอจะเป็นคนดูแลพิทักษ์ประโยชน์ต่างๆ ให้เอง (โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ) และหลังจากทำเช่นนี้มาแล้วเป็นสิบๆ ราย Marla ไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังจะเจอกับโจทย์หิน เพราะหญิงแก่ท่าทางธรรมดาๆ อย่าง Jennifer ที่ถูกเธอจัดการส่งตัวไปบ้านพักคนชราสดๆ ร้อนๆ นั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่เห็น
จริงๆ ตัวเรื่องมันมีอะไรแปลกใหม่อยู่เหมือนกัน แต่เรากลับรู้สึกว่ามันพยายาม “เจ๋ง” หรือ “เท่” มากเกินไป แล้วก็ไปได้ไม่สุด อย่างสไตล์การเล่าเรื่องที่ตัดฉึบฉับกระโดดข้ามอะไรที่ไม่จำเป็น การขายคาแร็คเตอร์ร้ายลึกบ้าดีเดือดที่ต้องมาเจอกับตัวละครที่ผสมระหว่างความหลุดโลกกับความโหดนิ่งๆ การวางแผนซ้อนแผน เพื่อเอาคืนไปมา อะไรพวกนี้ เราคิดว่ามีหนังหลายเรื่องทำได้ดีกว่า หรือแม้กระทั่งคาแร็คเตอร์ของ Rosamund Pike, Peter Dinklage และ Dianne Wiest มันก็ไม่ได้ทำให้ร้องว้าว หรือมีอะไรเหนือความคาดหมาย ทว่าปัญหาสำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือ เราไม่รู้สึกอยากเอาใจช่วยใครในเรื่องเลย
ก็นั่งวิเคราะห์ตัวเองอยู่นานแหละมากว่าทำไม ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า ไม่มีใครในเรื่องเป็นคนดีขาวสะอาดบริสุทธิ์หรอกนะ เพราะมันมีหนังอีกหลายเรื่องที่เราสามารถเอาใจช่วยตัวละครที่มีสีเทาๆ หรือมีสีดำมืดสนิทได้ด้วยซ้ำ แต่กับ I Care a Lot เราไม่ได้ยืนอยู่ข้างใครเลย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งนางร้ายตัวแสบอย่าง Marla กับ Fran ฝั่งหญิงชราลึกลับอย่าง Jennifer หรือฝั่งมาเฟียขาโหดอย่าง Roman แล้วก็พบว่า นอกจากเราจะไม่อินกับปูมหลังของตัวละครแล้ว เรายังไม่ซื้อกับอุดมการณ์ของใครเลยสักคนน่ะสิ เข้าใจว่า หนังพยายามจิกกัดโลกทุนนิยม หรือความฝันของคนยุคนี้ที่อยากร่ำอยากรวย อยากมีเงินเยอะๆ โดยไม่สนใจวิธีการหรือศีลธรรมอะไรอีกต่อไป หรือการพูดถึงความทะเยอทะยานของ Marla ที่ต้องการก้าวขึ้นไปสู่จุดที่ดีกว่า ความอยากเอาชนะ ความอยากเป็นที่หนึ่ง แต่อะไรพวกนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราเชื่อเลย แล้วก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันต้องแลกมาด้วยอะไรมากมายแค่ไหน
ต้องใส่หมายเหตุไว้ด้วยว่า เราไม่ได้มีปัญหากับการเป็นเลสเบี้ยนของตัวละคร Marla กับ Fran เลย ถึงจะมีเสียงแว่วๆ มาอยู่บ้างว่า ไม่ชอบที่ให้ตัวละครเลสเบี้ยนเป็นผู้ร้าย สำหรับเราแล้ว มันคงเป็นเรื่องไร้สาระหากจะรณรงค์ให้ตัวละคร LGBTQ+ เป็นตัวละครผู้เคร่งศีลธรรมดีงามเท่านั้น เพราะในโลกของความเป็นจริงมันไม่ใช่ และเราต้องการอะไรหลากหลายกว่านั้น ที่สำคัญ ที่สุดแล้ว การนำเสนอตัวละครเลสเบี้ยนใน I Care a Lot ก็ออกมาสมจริงสมจัง โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ของตัวละคร แล้วมันก็สะท้อนอะไรหลายอย่างในตัวละคร ทั้งเรื่องปมในใจ ที่พูดเป็นนัยว่าพ่อแม่ครอบครัวนั้นไม่ยอมรับในตัวตนของเธอ และการวาดฝันในอนาคตของ Marla ที่มี Fran อยู่ด้วยเสมอ
จริงๆ ถ้าหนังมันจะเพี้ยนคลั่งบ้าดีเดือดไปเลย เราอาจจะดูสนุกดูเพลินได้ โดยไม่ต้องไปสนใจเลยว่า ตัวละครฝั่งไหนจะมีปูมหลัง ปมในใจ หรือมีอุดมการณ์อะไร ให้มันฟาดฟันกันด้วยกลยุทธ์ แผนซ้อนกล จะถึงเลือดถึงเนื้อ หรือจะเอาชนะด้วยเกมอื่น อะไรแบบไหนก็ได้ หรือให้ตัวละครมันเพี้ยนหลุดไปเลย เราอาจจะชอบมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
ชม I Care A Lot ได้ทาง Netflix
ทุกกฎหมายมีช่องโหว่ และมนุษย์ก็สามารถหาช่องโหว่นั้นเพื่อตักตวงกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตัวเองได้เสมอ ไม่สิ! หลายครั้ง ก็มนุษย์จอมเจ้าเล่ห์นี่แหละที่ใช้อำนาจสร้างช่องโหว่นั้นขึ้นมาเองด้วยซ้ำ เหมือนกับกฎหมายผู้พิทักษ์ที่ถูกหยิบมาพูดถึงใน I Care a Lot ซึ่ง J Blakeson ผู้กำกับ/เขียนบท ได้แรงบันดาลใจมาจากคดีจริงที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้ เรื่องของกฎหมายผู้พิทักษ์ก็ฉาวโฉ่ขึ้นมาอีกครั้งกับ #FreeBritney
Marla Grayson หญิงสาวผู้ทำงานที่ผู้พิพากษาชื่นชมว่าช่างมีเมตตาเหลือเกิน เพราะเธอได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดูแลเหล่าคนชราที่อ่อนแอ เจ็บป่วย หรือไม่สามารถดูแลตัวเองได้ บ้างมีอาการทางสมอง บ้างนอนติดเตียง และหลายรายปราศจากลูกหลานคอยดูแล แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์” (The Guardian) อย่างเธอที่จะเข้ามาช่วยเหลือจัดการส่งตัวพวกเค้าเข้าสู่บ้านพักคนชรา ดูแลเรื่องจิปาถะต่างๆ ตามกฎหมาย รวมถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วย ทว่า Marla ไม่ใช่นักบุญอย่างที่ใครคิด เธอเป็นนักธุรกิจ ... ไม่สิ! เธอเป็นอาชญากรต่างหาก เพราะเธอและ Fran คนรักสาวจับมือร่วมกับคุณหมอที่ดูแลผู้สูงอายุ มองหาคนแก่รวยๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จัดการส่งเรื่องขึ้นศาลเพื่อให้พิจารณาส่งตัวพวกเค้าไปอยู่บ้านพักคนชรา แล้วเธอจะเป็นคนดูแลพิทักษ์ประโยชน์ต่างๆ ให้เอง (โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ) และหลังจากทำเช่นนี้มาแล้วเป็นสิบๆ ราย Marla ไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังจะเจอกับโจทย์หิน เพราะหญิงแก่ท่าทางธรรมดาๆ อย่าง Jennifer ที่ถูกเธอจัดการส่งตัวไปบ้านพักคนชราสดๆ ร้อนๆ นั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่เห็น
จริงๆ ตัวเรื่องมันมีอะไรแปลกใหม่อยู่เหมือนกัน แต่เรากลับรู้สึกว่ามันพยายาม “เจ๋ง” หรือ “เท่” มากเกินไป แล้วก็ไปได้ไม่สุด อย่างสไตล์การเล่าเรื่องที่ตัดฉึบฉับกระโดดข้ามอะไรที่ไม่จำเป็น การขายคาแร็คเตอร์ร้ายลึกบ้าดีเดือดที่ต้องมาเจอกับตัวละครที่ผสมระหว่างความหลุดโลกกับความโหดนิ่งๆ การวางแผนซ้อนแผน เพื่อเอาคืนไปมา อะไรพวกนี้ เราคิดว่ามีหนังหลายเรื่องทำได้ดีกว่า หรือแม้กระทั่งคาแร็คเตอร์ของ Rosamund Pike, Peter Dinklage และ Dianne Wiest มันก็ไม่ได้ทำให้ร้องว้าว หรือมีอะไรเหนือความคาดหมาย ทว่าปัญหาสำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือ เราไม่รู้สึกอยากเอาใจช่วยใครในเรื่องเลย
ก็นั่งวิเคราะห์ตัวเองอยู่นานแหละมากว่าทำไม ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า ไม่มีใครในเรื่องเป็นคนดีขาวสะอาดบริสุทธิ์หรอกนะ เพราะมันมีหนังอีกหลายเรื่องที่เราสามารถเอาใจช่วยตัวละครที่มีสีเทาๆ หรือมีสีดำมืดสนิทได้ด้วยซ้ำ แต่กับ I Care a Lot เราไม่ได้ยืนอยู่ข้างใครเลย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งนางร้ายตัวแสบอย่าง Marla กับ Fran ฝั่งหญิงชราลึกลับอย่าง Jennifer หรือฝั่งมาเฟียขาโหดอย่าง Roman แล้วก็พบว่า นอกจากเราจะไม่อินกับปูมหลังของตัวละครแล้ว เรายังไม่ซื้อกับอุดมการณ์ของใครเลยสักคนน่ะสิ เข้าใจว่า หนังพยายามจิกกัดโลกทุนนิยม หรือความฝันของคนยุคนี้ที่อยากร่ำอยากรวย อยากมีเงินเยอะๆ โดยไม่สนใจวิธีการหรือศีลธรรมอะไรอีกต่อไป หรือการพูดถึงความทะเยอทะยานของ Marla ที่ต้องการก้าวขึ้นไปสู่จุดที่ดีกว่า ความอยากเอาชนะ ความอยากเป็นที่หนึ่ง แต่อะไรพวกนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราเชื่อเลย แล้วก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันต้องแลกมาด้วยอะไรมากมายแค่ไหน
ต้องใส่หมายเหตุไว้ด้วยว่า เราไม่ได้มีปัญหากับการเป็นเลสเบี้ยนของตัวละคร Marla กับ Fran เลย ถึงจะมีเสียงแว่วๆ มาอยู่บ้างว่า ไม่ชอบที่ให้ตัวละครเลสเบี้ยนเป็นผู้ร้าย สำหรับเราแล้ว มันคงเป็นเรื่องไร้สาระหากจะรณรงค์ให้ตัวละคร LGBTQ+ เป็นตัวละครผู้เคร่งศีลธรรมดีงามเท่านั้น เพราะในโลกของความเป็นจริงมันไม่ใช่ และเราต้องการอะไรหลากหลายกว่านั้น ที่สำคัญ ที่สุดแล้ว การนำเสนอตัวละครเลสเบี้ยนใน I Care a Lot ก็ออกมาสมจริงสมจัง โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ของตัวละคร แล้วมันก็สะท้อนอะไรหลายอย่างในตัวละคร ทั้งเรื่องปมในใจ ที่พูดเป็นนัยว่าพ่อแม่ครอบครัวนั้นไม่ยอมรับในตัวตนของเธอ และการวาดฝันในอนาคตของ Marla ที่มี Fran อยู่ด้วยเสมอ
จริงๆ ถ้าหนังมันจะเพี้ยนคลั่งบ้าดีเดือดไปเลย เราอาจจะดูสนุกดูเพลินได้ โดยไม่ต้องไปสนใจเลยว่า ตัวละครฝั่งไหนจะมีปูมหลัง ปมในใจ หรือมีอุดมการณ์อะไร ให้มันฟาดฟันกันด้วยกลยุทธ์ แผนซ้อนกล จะถึงเลือดถึงเนื้อ หรือจะเอาชนะด้วยเกมอื่น อะไรแบบไหนก็ได้ หรือให้ตัวละครมันเพี้ยนหลุดไปเลย เราอาจจะชอบมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
ชม I Care A Lot ได้ทาง Netflix