- @TOM NEWS
- Apr 2017
[REVIEW] GAY OK BANGKOK SEASON 2 EP 6 “ส่วนเกิน”
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
เป็น EP ที่เหมือนจะคลี่คลายความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ แต่ก็มีบางปมที่ทวีความยุ่งเหยิง หรือทำได้แค่รอคอยวันคลี่คลายอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคู่ “อ๊อฟ” กับ “บิ๊ก” ที่มี “เชษฐ์” มาแทรก ชอบการเปิดและปิดด้วยคู่นี้ของ EP นี้มาก เราเห็นความขุ่นเคืองและสับสนในสายตาและคำพูดของอ๊อฟ (ที่เราว่า ซีซั่นนี้ พี่กันย์เล่นละเอียดอย่างเป็นธรรมชาติขึ้นมาก) เราเห็นความพยายามก้าวพ้นปัญหา และความเจ็บปวดในสายตาบิ๊ก (สนุ๊กเกอร์ทำให้ตัวละครเติบโตขึ้นจากเดิมแบบน่าเชื่อถือมากจริงๆ และสายตาของคนเป็น “ส่วนเกิน” มันก็โคตรน่าสงสารเลย) เห็นความเป็นธรรมชาติ อบอุ่น และน่าเข้าใกล้ในตัวเชษฐ์ (เคมีระหว่งพี่กันย์กับพี่มาร์คนี่ดีมาก) บางคนบอกกับเราว่า สมควรแล้ว! บิ๊กทำตัวเอง! แต่สำหรับเรา ในฐานะเป็นคนไม่ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บเก็บเรื่องเก่ามาทับถม เราว่าบิ๊กน่าสงสาร และบางทีก็อยากให้บิ๊กถามตัวเองเหมือนกันว่า สิ่งที่ทำอยู่มันทำให้ตัวเค้าเองมีความสุขจริงๆ บ้างหรือเปล่า แบบเดียวกับที่เค้าบอกให้อ๊อฟทำสิ่งที่มีความสุข ณ ตอนนี้นั่นแหละ
“ปอม” กับ “หนึ่ง” ที่คล้ายๆ จะมาถึงจุดแตกหัก แต่มันจะขาดสะบั้นลงจริงหรือเปล่า คู่นี้ทำให้เราเห็นว่า บางทีที่ความรักมันพังลงไป มันไม่ใช่เพราะเราไม่ดี ไม่พยายาม หรือเพราะเราทำพังหรอก แต่มันเป็นเพราะปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมต่างหาก เช่นเดียวกับการที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมเปิดปากเปิดใจสื่อสารตรงๆ ติดกับอยู่กับฟอร์ม มาด หรือภาพลักษณ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา มันก็ไม่มีทางที่เราจะทลายกำแพงหรือสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเค้าได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือเปล่า แต่เราสัมผัสได้ถึงความประดักประเดิกขัดเขินทุกครั้งที่ปอมปรากฏตัวขึ้นคู่กับหนึ่งใน EP หลังๆ บทสนทนาที่ปอมเปิดปาก มันดูผิดที่ผิดทาง แบบ...ทำไมถึงเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคนี้วะ แต่ก็นั่นแหละ บรรยากาศแบบนี้ มันดูโคตรจริง
“อาร์ม” กับ “ราม” ในความหวานชื่นมุ้งมิ้ง เราสัมผัสได้ถึงความอึดอัด ผสมผเสกับความอยากเอาชนะ การเอ่ยปากถึง “แฟนเธอ” อยู่บ่อยๆ ไปจนถึงอารมณ์คล้ายๆ จะตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมันกำลังเดินหน้าวนลูปไปในทิศทางไหน ... คนที่เคยผ่านอะไรแบบนี้มาก่อนย่อมรู้ดี และสำหรับเรา มันไม่มีทางเวิร์กหรอก (เอาจริงๆ เคมีของเท็นกับแซมนี่คือความมหัศจรรย์มากนะ และมันก็เป็นเคมีที่ต่างจากตอนที่เท็นมีกับเต็งหนึ่งด้วย) นอกจากนี้ การตัดสินใจลาออกของอาร์มและตบหน้า “พี่เบียร์” แรงๆ ก็สะใจดี มานั่งคิดๆ ดู พี่เบียร์นี่อาจจะเป็นตัวละครที่โชว์ด้านร้ายๆ มากที่สุดในซีรี่ส์แล้วมั้ง
“นัท” กับ “เนส” คู่พี่น้องที่ฉากปะทะอารมณ์รุนแรงจบลงด้วยน้ำตาและความอบอุ่น ฉากนี้ทำเราน้ำตาไหลเลยนะ มวลอากาศ จังหวะนิ่งงัน และการเปิดใจมันดีมาก (เต็งหนึ่งท็อปฟอร์มไปแล้ว ซีซั่นนี้เราเห็นฉากระเบิดอารมณ์ของนัทหลายครั้ง แต่ทุกครั้งมีรายละเอียดต่างกัน และมันทำให้เราเห็นความเป็นมนุษย์ของนัทมากขึ้นทุกที) ความแสนดีของ “คามิน” ทำให้เราอดหวั่นใจไม่ได้ว่า อย่าให้มีดราม่ากับนัทเพราะเรื่องทำร้านเลยนะ ไม่อยากให้คู่นี้แตกหักเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ (ชอบเวลาหมอแม็คงุ้งงิ้งกับเต็งหนึ่งนะ มันดูเป็นความสัมพันธ์น่าหยิกดี) ส่วนเนสกับ “โจ๊ก” เฮ้ย ดีใจที่ตัวละครนี้ไม่ได้หายไปไหน และเราเชื่อว่าที่เนสพยายามสร้างความสัมพันธ์ มันเป็นเพราะเค้าเชื่อในความสัมพันธ์จากพี่ชายตัวเองจริงๆ
EP หน้าจะเป็น EP สุดท้ายของซีซั่นนี้แล้ว น่าแปลกที่เราไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ อาจเพราะมองเห็นความเป็นไปได้ของการคลี่คลายความสัมพันธ์ในแต่ละคู่อยู่แล้ว หากจะมีอะไรน่าตื่นเต้นจริงๆ ก็หวังให้บทสรุปของ EP นี้เป็นการเปิดปมใหม่เพื่อโยนไปสู่ซีซั่น 3 ให้อดใจรอไม่ไหวมากกว่า
เป็น EP ที่เหมือนจะคลี่คลายความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ แต่ก็มีบางปมที่ทวีความยุ่งเหยิง หรือทำได้แค่รอคอยวันคลี่คลายอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคู่ “อ๊อฟ” กับ “บิ๊ก” ที่มี “เชษฐ์” มาแทรก ชอบการเปิดและปิดด้วยคู่นี้ของ EP นี้มาก เราเห็นความขุ่นเคืองและสับสนในสายตาและคำพูดของอ๊อฟ (ที่เราว่า ซีซั่นนี้ พี่กันย์เล่นละเอียดอย่างเป็นธรรมชาติขึ้นมาก) เราเห็นความพยายามก้าวพ้นปัญหา และความเจ็บปวดในสายตาบิ๊ก (สนุ๊กเกอร์ทำให้ตัวละครเติบโตขึ้นจากเดิมแบบน่าเชื่อถือมากจริงๆ และสายตาของคนเป็น “ส่วนเกิน” มันก็โคตรน่าสงสารเลย) เห็นความเป็นธรรมชาติ อบอุ่น และน่าเข้าใกล้ในตัวเชษฐ์ (เคมีระหว่งพี่กันย์กับพี่มาร์คนี่ดีมาก) บางคนบอกกับเราว่า สมควรแล้ว! บิ๊กทำตัวเอง! แต่สำหรับเรา ในฐานะเป็นคนไม่ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บเก็บเรื่องเก่ามาทับถม เราว่าบิ๊กน่าสงสาร และบางทีก็อยากให้บิ๊กถามตัวเองเหมือนกันว่า สิ่งที่ทำอยู่มันทำให้ตัวเค้าเองมีความสุขจริงๆ บ้างหรือเปล่า แบบเดียวกับที่เค้าบอกให้อ๊อฟทำสิ่งที่มีความสุข ณ ตอนนี้นั่นแหละ
“ปอม” กับ “หนึ่ง” ที่คล้ายๆ จะมาถึงจุดแตกหัก แต่มันจะขาดสะบั้นลงจริงหรือเปล่า คู่นี้ทำให้เราเห็นว่า บางทีที่ความรักมันพังลงไป มันไม่ใช่เพราะเราไม่ดี ไม่พยายาม หรือเพราะเราทำพังหรอก แต่มันเป็นเพราะปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมต่างหาก เช่นเดียวกับการที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมเปิดปากเปิดใจสื่อสารตรงๆ ติดกับอยู่กับฟอร์ม มาด หรือภาพลักษณ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา มันก็ไม่มีทางที่เราจะทลายกำแพงหรือสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเค้าได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือเปล่า แต่เราสัมผัสได้ถึงความประดักประเดิกขัดเขินทุกครั้งที่ปอมปรากฏตัวขึ้นคู่กับหนึ่งใน EP หลังๆ บทสนทนาที่ปอมเปิดปาก มันดูผิดที่ผิดทาง แบบ...ทำไมถึงเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคนี้วะ แต่ก็นั่นแหละ บรรยากาศแบบนี้ มันดูโคตรจริง
“อาร์ม” กับ “ราม” ในความหวานชื่นมุ้งมิ้ง เราสัมผัสได้ถึงความอึดอัด ผสมผเสกับความอยากเอาชนะ การเอ่ยปากถึง “แฟนเธอ” อยู่บ่อยๆ ไปจนถึงอารมณ์คล้ายๆ จะตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมันกำลังเดินหน้าวนลูปไปในทิศทางไหน ... คนที่เคยผ่านอะไรแบบนี้มาก่อนย่อมรู้ดี และสำหรับเรา มันไม่มีทางเวิร์กหรอก (เอาจริงๆ เคมีของเท็นกับแซมนี่คือความมหัศจรรย์มากนะ และมันก็เป็นเคมีที่ต่างจากตอนที่เท็นมีกับเต็งหนึ่งด้วย) นอกจากนี้ การตัดสินใจลาออกของอาร์มและตบหน้า “พี่เบียร์” แรงๆ ก็สะใจดี มานั่งคิดๆ ดู พี่เบียร์นี่อาจจะเป็นตัวละครที่โชว์ด้านร้ายๆ มากที่สุดในซีรี่ส์แล้วมั้ง
“นัท” กับ “เนส” คู่พี่น้องที่ฉากปะทะอารมณ์รุนแรงจบลงด้วยน้ำตาและความอบอุ่น ฉากนี้ทำเราน้ำตาไหลเลยนะ มวลอากาศ จังหวะนิ่งงัน และการเปิดใจมันดีมาก (เต็งหนึ่งท็อปฟอร์มไปแล้ว ซีซั่นนี้เราเห็นฉากระเบิดอารมณ์ของนัทหลายครั้ง แต่ทุกครั้งมีรายละเอียดต่างกัน และมันทำให้เราเห็นความเป็นมนุษย์ของนัทมากขึ้นทุกที) ความแสนดีของ “คามิน” ทำให้เราอดหวั่นใจไม่ได้ว่า อย่าให้มีดราม่ากับนัทเพราะเรื่องทำร้านเลยนะ ไม่อยากให้คู่นี้แตกหักเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ (ชอบเวลาหมอแม็คงุ้งงิ้งกับเต็งหนึ่งนะ มันดูเป็นความสัมพันธ์น่าหยิกดี) ส่วนเนสกับ “โจ๊ก” เฮ้ย ดีใจที่ตัวละครนี้ไม่ได้หายไปไหน และเราเชื่อว่าที่เนสพยายามสร้างความสัมพันธ์ มันเป็นเพราะเค้าเชื่อในความสัมพันธ์จากพี่ชายตัวเองจริงๆ
EP หน้าจะเป็น EP สุดท้ายของซีซั่นนี้แล้ว น่าแปลกที่เราไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ อาจเพราะมองเห็นความเป็นไปได้ของการคลี่คลายความสัมพันธ์ในแต่ละคู่อยู่แล้ว หากจะมีอะไรน่าตื่นเต้นจริงๆ ก็หวังให้บทสรุปของ EP นี้เป็นการเปิดปมใหม่เพื่อโยนไปสู่ซีซั่น 3 ให้อดใจรอไม่ไหวมากกว่า