- @TOM NEWS
- May-Jun 2023
Queer Eye Season 7 กับพื้นที่ที่ยากต่อการเป็น LGBTQ+
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ในช่วงเวลาที่เราต้องการพลังบวกเพื่อชุบชูจิตใจ Queer Eye ซีซั่นใหม่ก็มาพอดี แล้วมันก็ช่วยชีวิตให้เราก้าวเดินต่อไปด้วยพลังใจเต็มเปี่ยม และอยากจะทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบข้าง และเพื่อสังคมอีกครั้ง ทั้งที่จริง มันไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรอก มันเป็นอะไรที่คาดเดาได้ว่าจะเจออะไร แต่เราก็ได้สิ่งเหล่านั้นแบบเต็มอิ่มแบบสุดๆ ดังนั้น สำหรับแฟน Queer Eye เราเชื่อว่าทุกคนจะคลิกกดดูอย่างไม่ลังเล ส่วนคนที่ไม่เคยดูมาก่อน เราก็ขอเชียร์ให้ลองเปิดใจดูสัก 1 EP แล้วคุณจะรัก!
เกริ่นนำกันตามธรรมเนียม สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก Queer Eye มาก่อน นี่เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ของ #Netflix ที่มีทีม Fab Five เป็นกูรูเควียร์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เควียร์ (4 เกย์หนุ่ม + 1 นอน-ไบนารี่) ที่ว่าก็ได้แก่ Antoni ดูแลเรื่องอาหารการกิน, Tan ดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว, Jonathan ดูแลเรื่องทรงผมและกรูมมิ่ง, Bobby ดูแลเรื่องดีไซน์การตกแต่งบ้าน และ Karamo ดูแลเรื่องการปรับวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต ซึ่งพอเดินทางมาถึงซีซั่นที่ 7 สมาชิก Fab Five ต่างก็รู้ดีว่า การปรับเปลี่ยนแปลงโฉมแค่เรื่องภายนอกมันไม่ได้ช่วยอะไรได้ในระยะยาวหรอก แล้วพวกเค้าก็ไม่ได้พยายามเคลมว่ามันช่วยได้อะไรขนาดนั้น ภารกิจหลักของพวกเค้าจึงเป็นการพยายามช่วยแก้ปมคลายปมในใจของแขกรับเชิญต่างหาก
ในซีซั่นที่ 7 นี้ Fab Five เดินทางมาปักหลักกันถ่ายทำกันที่ New Orleans ซึ่งเราเชื่อว่ามันไม่ได้ง่ายเลยกับการทำรายการที่มีแก๊ง LGBTQ+ เป็นแกนหลักแบบนี้ ด้วยบรรยากาศและผู้คนที่เคร่งศาสนาและต่อต้าน LGBTQ+ เช่นเดียวกับที่ Stephanie แขกรับเชิญผู้เป็นเลสเบี้ยนมาดทอมบอยเอ่ยปากพร้อมน้ำตาพรั่งพรูว่า การเป็นเลสเบี้ยนที่อยู่ที่นี่มันยากมากจริงๆ และมันก็ส่งผลต่อปมในใจของเธอด้วย การเป็นเลสเบี้ยนที่รู้สึกผิดบาป จนกลายเป็นการทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างซ้ำๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้เราเจ็บปวดไปพร้อมกับ Stephanie แล้วน้ำตาก็ไหลอาบหน้าไปตลอดทั้ง EP เลย
ยังมีอีกหลายตอนที่ทำให้เราน้ำตาไหลไม่หยุด Speedy เด็กหนุ่มผิวสีที่ประสบอุติเหตุจนสูญเสียแม่และน้าสาวไป ส่วนตัวเค้าเองก็ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต พยายามที่จะก้าวข้ามบาดแผลในจิตใจตัวเองอีกครั้ง ก็ได้แก๊ง Fab Five มาช่วยด้วยการพาแขกรับเชิญในซีซั่นเก่าก่อนผู้ต้องนั่งรถเข็นเหมือนกันมาแนะนำการใช้ชีวิต ทั้งพาร์ตร่างกายและจิตใจ, Jenni อดีตครูใหญ่สาวโสดที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง และหมดหวังที่จะพบรักแท้ เพราะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ก็ได้แก๊ง Fab Five มากระตุ้นปลุกไฟในตัวเองอีกครั้ง ช่วงที่ Jenni พูดถึงตัวเองที่ไม่มีใครสนใจเหลียวแลมองดูเธอเลย ทั้งที่เธอก็พยายามออกไปใช้ชีวิต ไปเที่ยวบาร์ ไปแฮงเอาต์แล้ว แล้วน้ำตาไหลพราก มันเศร้ามากนะ, Mary อดีตนักโทษหญิงที่ติดคุกมานานหลายสิบปี แล้วพยายามใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ทว่าเธอยังก้าวข้ามปมในใจไปไม่ได้ เมื่อเธอไม่รู้จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับลูกๆ ที่ห่างเหินได้อย่างไร โอ้โห พล็อตมันเป็นหนังมากๆ แล้ว Mary ก็เป็นผู้หญิงที่มีมิติหลากหลายในตัวมาก
สิ่งที่ได้เพิ่มเติมจาก Queer Eye ในซีซั่นนี้ คือการอยากจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น อยากหล่อเท่ฟิตให้ได้เหมือน Bobby และ Antoni - ที่สุดตลอดกาล, อยากจะสนุกกับการแต่งตัวให้มากขึ้นเหมือนทั้งแก๊ง Fab Five แล้วก็อยากจะส่งพลังบวกดีๆ ออกไป โดยเฉพาะในเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง Pride Month เช่นนี้!
รับชม Queer Eye ทุกซีซั่นได้ทาง Netflix
ในช่วงเวลาที่เราต้องการพลังบวกเพื่อชุบชูจิตใจ Queer Eye ซีซั่นใหม่ก็มาพอดี แล้วมันก็ช่วยชีวิตให้เราก้าวเดินต่อไปด้วยพลังใจเต็มเปี่ยม และอยากจะทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบข้าง และเพื่อสังคมอีกครั้ง ทั้งที่จริง มันไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรอก มันเป็นอะไรที่คาดเดาได้ว่าจะเจออะไร แต่เราก็ได้สิ่งเหล่านั้นแบบเต็มอิ่มแบบสุดๆ ดังนั้น สำหรับแฟน Queer Eye เราเชื่อว่าทุกคนจะคลิกกดดูอย่างไม่ลังเล ส่วนคนที่ไม่เคยดูมาก่อน เราก็ขอเชียร์ให้ลองเปิดใจดูสัก 1 EP แล้วคุณจะรัก!
เกริ่นนำกันตามธรรมเนียม สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก Queer Eye มาก่อน นี่เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ของ #Netflix ที่มีทีม Fab Five เป็นกูรูเควียร์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เควียร์ (4 เกย์หนุ่ม + 1 นอน-ไบนารี่) ที่ว่าก็ได้แก่ Antoni ดูแลเรื่องอาหารการกิน, Tan ดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว, Jonathan ดูแลเรื่องทรงผมและกรูมมิ่ง, Bobby ดูแลเรื่องดีไซน์การตกแต่งบ้าน และ Karamo ดูแลเรื่องการปรับวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต ซึ่งพอเดินทางมาถึงซีซั่นที่ 7 สมาชิก Fab Five ต่างก็รู้ดีว่า การปรับเปลี่ยนแปลงโฉมแค่เรื่องภายนอกมันไม่ได้ช่วยอะไรได้ในระยะยาวหรอก แล้วพวกเค้าก็ไม่ได้พยายามเคลมว่ามันช่วยได้อะไรขนาดนั้น ภารกิจหลักของพวกเค้าจึงเป็นการพยายามช่วยแก้ปมคลายปมในใจของแขกรับเชิญต่างหาก
ในซีซั่นที่ 7 นี้ Fab Five เดินทางมาปักหลักกันถ่ายทำกันที่ New Orleans ซึ่งเราเชื่อว่ามันไม่ได้ง่ายเลยกับการทำรายการที่มีแก๊ง LGBTQ+ เป็นแกนหลักแบบนี้ ด้วยบรรยากาศและผู้คนที่เคร่งศาสนาและต่อต้าน LGBTQ+ เช่นเดียวกับที่ Stephanie แขกรับเชิญผู้เป็นเลสเบี้ยนมาดทอมบอยเอ่ยปากพร้อมน้ำตาพรั่งพรูว่า การเป็นเลสเบี้ยนที่อยู่ที่นี่มันยากมากจริงๆ และมันก็ส่งผลต่อปมในใจของเธอด้วย การเป็นเลสเบี้ยนที่รู้สึกผิดบาป จนกลายเป็นการทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างซ้ำๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้เราเจ็บปวดไปพร้อมกับ Stephanie แล้วน้ำตาก็ไหลอาบหน้าไปตลอดทั้ง EP เลย
ยังมีอีกหลายตอนที่ทำให้เราน้ำตาไหลไม่หยุด Speedy เด็กหนุ่มผิวสีที่ประสบอุติเหตุจนสูญเสียแม่และน้าสาวไป ส่วนตัวเค้าเองก็ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต พยายามที่จะก้าวข้ามบาดแผลในจิตใจตัวเองอีกครั้ง ก็ได้แก๊ง Fab Five มาช่วยด้วยการพาแขกรับเชิญในซีซั่นเก่าก่อนผู้ต้องนั่งรถเข็นเหมือนกันมาแนะนำการใช้ชีวิต ทั้งพาร์ตร่างกายและจิตใจ, Jenni อดีตครูใหญ่สาวโสดที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง และหมดหวังที่จะพบรักแท้ เพราะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ก็ได้แก๊ง Fab Five มากระตุ้นปลุกไฟในตัวเองอีกครั้ง ช่วงที่ Jenni พูดถึงตัวเองที่ไม่มีใครสนใจเหลียวแลมองดูเธอเลย ทั้งที่เธอก็พยายามออกไปใช้ชีวิต ไปเที่ยวบาร์ ไปแฮงเอาต์แล้ว แล้วน้ำตาไหลพราก มันเศร้ามากนะ, Mary อดีตนักโทษหญิงที่ติดคุกมานานหลายสิบปี แล้วพยายามใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ทว่าเธอยังก้าวข้ามปมในใจไปไม่ได้ เมื่อเธอไม่รู้จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับลูกๆ ที่ห่างเหินได้อย่างไร โอ้โห พล็อตมันเป็นหนังมากๆ แล้ว Mary ก็เป็นผู้หญิงที่มีมิติหลากหลายในตัวมาก
สิ่งที่ได้เพิ่มเติมจาก Queer Eye ในซีซั่นนี้ คือการอยากจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น อยากหล่อเท่ฟิตให้ได้เหมือน Bobby และ Antoni - ที่สุดตลอดกาล, อยากจะสนุกกับการแต่งตัวให้มากขึ้นเหมือนทั้งแก๊ง Fab Five แล้วก็อยากจะส่งพลังบวกดีๆ ออกไป โดยเฉพาะในเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง Pride Month เช่นนี้!
รับชม Queer Eye ทุกซีซั่นได้ทาง Netflix