- @TOM NEWS
- Nov 2021
มะลิลา เมื่อชีวิตของเราช่างเปราะบางเหลือเกิน
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
กว่าจะได้ดูก็ถูกสปอยล์อะไรไปหลายอย่างแล้ว แต่พลังของภาพยนตร์ในมิติต่างๆ ก็ยังทำงานรุนแรงกับเราอยู่ ชอบการวางกราฟของมวลอารมณ์ในเรื่องมาก ในความเรียบเรื่อย ไม่ได้นิ่งเงียบ ทว่าเต็มไปด้วยเสียงบรรยากาศ เสียงลมหายใจ พายุอันก่อตัวและพัดโหมใส่ตัวละครเป็นระยะ ไปจนถึงงานภาพและเสียงที่พุ่งปะทะโสตสัมผัสเราให้ตะลึงงันอยู่หลายครั้งหลายหน มันก่อกวน ตั้งคำถาม และติดค้างอยู่ในใจเราอีกหลายวัน
ในขวบวัยที่ถูกชีวิตโบยตีให้เจ็บช้ำมาทั้งคู่ “เชน” ชายหนุ่มที่เลิกรากับภรรยา สูญเสียลูกสาวไปเพราะความพลั้งเผลอ จนกลายเป็นตราบาปในใจ ได้มีโอกาสเจอกับ “พิช” ชายหนุ่มร่างบอบบางที่กำลังถูกมะเร็งร้ายกัดกินทีละน้อยอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยสายสัมพันธ์กันในช่วงวัยรุ่น และกลายเป็นพิชที่เจ็บช้ำ “จนแทบบ้า” แล้วการพบกันในครั้งนี้ก็เป็นเหมือนการกลับมาปลอบประโลมประคับประคองกันและกัน ผ่านแววตา อ้อมกอด สัมผัส และบทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่อาจจะไม่มีพิชอยู่อีกต่อไปแล้วก็ได้
ชีวิตของมนุษย์เราช่างเปราะบางเหลือเกิน ทั้งในแง่ร่างกายภายนอก มันเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งวัยตามกาลเวลา พ่ายแพ้ต่อโรคภัยต่างๆ ได้ง่ายดาย หรือบางทีมันก็ถูกทำร้ายทำลายลงได้ด้วยอาวุธที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่รุนแรง ในแง่ของจิตใจ เราต่างเผชิญกับความทุกข์ได้ง่ายๆ ในทุกวันอยู่แล้วมิใช่หรือ แล้วพอมันถูกวางเปรียบเทียบไว้กับ “บายศรี” อันงดงามแต่บอบบางที่พิชจดจ่อใช้เวลาทำ ก่อนจะเอาไปลอยทิ้งไปตามแม่น้ำตามธรรมเนียม ชีวิตและบายศรีก็กลายเป็นสัญญะที่ลุ่มลึกชวนตีความได้ไม่รู้จบ
การแสดงของ “เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ” โอบอุ้มหนังได้ตลอดเรื่อง ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันเป็นเพราะกล้องรักเวียร์มาก แต่ขณะเดียวกัน เราก็ชอบน้ำเสียงของเวียร์มากเช่นกัน, และถึงแม้ตัวละครพิชของ “โอ - อนุชิต สพันธุ์พงษ์” จะไม่ได้ปรากฏกายอยู่ตลอดเรื่อง แต่มันมหัศจรรย์มากที่เรารับรู้ถึงการมีอยู่ของเค้าตลอดเวลา ชอบวิธีการแสดงของโอด้วยที่สร้างคาแร็คเตอร์พิชให้เป็นมนุษย์มากๆ นี่ไม่ใช่ตัวละครเรียบร้อยหรือเป็นคนดีพร้อม แต่เรารับรู้ได้ถึงนิสัยใจคอ ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ได้ผ่านการแสดงที่ขยับและเล่นเพียงเล็กน้อยของโอเพียงเท่านั้น และชอบมากกับการสวมบทบาทเป็นพระของ “โอ๋ - สำเร็จ เมืองพุทธ” เป็นพระมาก!
ชอบการนำเสนอวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ และการตอกย้ำในที่สุดว่า พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้ที่พยายามก้าวข้ามไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์เพียงเท่านั้น พวกเค้าเพียงแต่เฝ้ามองดูความเป็นไป พยายามทำความเข้าใจ ทดสอบความเป็นไปได้ และบ่อยครั้ง พวกเค้าก็แพ้พ่ายต่อความเป็นมนุษย์ที่พวกเค้าเป็น เพราะพระสงฆ์ก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนๆ เรานั่นแหละ
กว่าจะได้ดูก็ถูกสปอยล์อะไรไปหลายอย่างแล้ว แต่พลังของภาพยนตร์ในมิติต่างๆ ก็ยังทำงานรุนแรงกับเราอยู่ ชอบการวางกราฟของมวลอารมณ์ในเรื่องมาก ในความเรียบเรื่อย ไม่ได้นิ่งเงียบ ทว่าเต็มไปด้วยเสียงบรรยากาศ เสียงลมหายใจ พายุอันก่อตัวและพัดโหมใส่ตัวละครเป็นระยะ ไปจนถึงงานภาพและเสียงที่พุ่งปะทะโสตสัมผัสเราให้ตะลึงงันอยู่หลายครั้งหลายหน มันก่อกวน ตั้งคำถาม และติดค้างอยู่ในใจเราอีกหลายวัน
ในขวบวัยที่ถูกชีวิตโบยตีให้เจ็บช้ำมาทั้งคู่ “เชน” ชายหนุ่มที่เลิกรากับภรรยา สูญเสียลูกสาวไปเพราะความพลั้งเผลอ จนกลายเป็นตราบาปในใจ ได้มีโอกาสเจอกับ “พิช” ชายหนุ่มร่างบอบบางที่กำลังถูกมะเร็งร้ายกัดกินทีละน้อยอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยสายสัมพันธ์กันในช่วงวัยรุ่น และกลายเป็นพิชที่เจ็บช้ำ “จนแทบบ้า” แล้วการพบกันในครั้งนี้ก็เป็นเหมือนการกลับมาปลอบประโลมประคับประคองกันและกัน ผ่านแววตา อ้อมกอด สัมผัส และบทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่อาจจะไม่มีพิชอยู่อีกต่อไปแล้วก็ได้
ชีวิตของมนุษย์เราช่างเปราะบางเหลือเกิน ทั้งในแง่ร่างกายภายนอก มันเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งวัยตามกาลเวลา พ่ายแพ้ต่อโรคภัยต่างๆ ได้ง่ายดาย หรือบางทีมันก็ถูกทำร้ายทำลายลงได้ด้วยอาวุธที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่รุนแรง ในแง่ของจิตใจ เราต่างเผชิญกับความทุกข์ได้ง่ายๆ ในทุกวันอยู่แล้วมิใช่หรือ แล้วพอมันถูกวางเปรียบเทียบไว้กับ “บายศรี” อันงดงามแต่บอบบางที่พิชจดจ่อใช้เวลาทำ ก่อนจะเอาไปลอยทิ้งไปตามแม่น้ำตามธรรมเนียม ชีวิตและบายศรีก็กลายเป็นสัญญะที่ลุ่มลึกชวนตีความได้ไม่รู้จบ
การแสดงของ “เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ” โอบอุ้มหนังได้ตลอดเรื่อง ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันเป็นเพราะกล้องรักเวียร์มาก แต่ขณะเดียวกัน เราก็ชอบน้ำเสียงของเวียร์มากเช่นกัน, และถึงแม้ตัวละครพิชของ “โอ - อนุชิต สพันธุ์พงษ์” จะไม่ได้ปรากฏกายอยู่ตลอดเรื่อง แต่มันมหัศจรรย์มากที่เรารับรู้ถึงการมีอยู่ของเค้าตลอดเวลา ชอบวิธีการแสดงของโอด้วยที่สร้างคาแร็คเตอร์พิชให้เป็นมนุษย์มากๆ นี่ไม่ใช่ตัวละครเรียบร้อยหรือเป็นคนดีพร้อม แต่เรารับรู้ได้ถึงนิสัยใจคอ ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ได้ผ่านการแสดงที่ขยับและเล่นเพียงเล็กน้อยของโอเพียงเท่านั้น และชอบมากกับการสวมบทบาทเป็นพระของ “โอ๋ - สำเร็จ เมืองพุทธ” เป็นพระมาก!
ชอบการนำเสนอวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ และการตอกย้ำในที่สุดว่า พระสงฆ์ก็เป็นเพียงผู้ที่พยายามก้าวข้ามไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์เพียงเท่านั้น พวกเค้าเพียงแต่เฝ้ามองดูความเป็นไป พยายามทำความเข้าใจ ทดสอบความเป็นไปได้ และบ่อยครั้ง พวกเค้าก็แพ้พ่ายต่อความเป็นมนุษย์ที่พวกเค้าเป็น เพราะพระสงฆ์ก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนๆ เรานั่นแหละ