- @TOM NEWS
- May 2020
สาวเลสฯ และหนุ่มทรานส์ 2 EP ที่น่าประทับใจใน Queer Eye
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
Queer Eye เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ จาก Netflix โดยในรายการจะมีทีม The Fab Five เป็นกูรูเกย์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เกย์หนุ่มที่ว่าก็ได้แก่ Antoni ดูแลเรื่องอาหารการกิน, Tan ดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว, Jonathan ดูแลเรื่องทรงผมและกรูมมิ่ง, Bobby ดูแลเรื่องดีไซน์การตกแต่งบ้าน และ Karamo ดูแลเรื่องการปรับวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต
ถึงแม้ว่ารายการจะเน้นภาพ “ความเป็นเกย์” ของ 5 เกย์หนุ่มที่ได้ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ชายหญิงหลากหลายคน แต่ Queer Eye ก็นำเสนอความหลากหลายทางเพศ ที่ไม่ได้มีแค่ “เกย์” เอาไว้ในรายการซั่น 2 และซีซั่น 3 ด้วย โดยเฉพาะ 2 EP สำคัญที่เราอยากจะพูดถึงต่อไปนี้
เริ่มจากตอนที่ชื่อว่า "Sky's the Limit" ในซีซั่น 2 ของแขกรับเชิญหนุ่มข้ามเพศที่ชื่อว่า Skyler ซึ่งเปิดรายการด้วยคลิปสั้นๆ อันเป็นช่วงเวลาที่ Skyler ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาหน้าอกออก และโมเมนต์แสนซาบซึ้งเมื่อเค้าได้ก้มมองดูหน้าอกของตัวเองและร้องไห้ออกมา และใน EP นี้นี่เองที่ 5 เกย์หนุ่ม The Fab Five ได้เป็นตัวแทนของผู้ชมและคนวงนอก เข้าไปทำความรู้จักกับเส้นทางการก้าวข้ามเพศของชาวทรานส์ และมันช่างเป็นเรื่องงดามเหลือเกินที่ได้เห็นชาว LGBT โอบกอดส่งพลังบวกให้กันและกัน หรือแม้แต่การที่หนึ่งในพิธีกรยอมรับตามตรงว่า ต่อให้พวกเค้าเป็นเกย์ แต่การทำความเข้าใจคนข้ามเพศ หรือชาวทรานส์นั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องเปิดใจเช่นกัน
ส่วนในซีซั่น 3 ก็มีตอน "Black Girl Magic" ของ Jess แขกรับเชิญสาวเลสเบี้ยนผิวสีที่ถูกครอบครัวเตะออกจากบ้านทันทีที่รู้ว่าเธอเป็นเลสฯ ทำให้เธอโดดเดี่ยว และไม่เคยรู้สึกถึงการมีอยู่ของครอบครัว เป็นอีกครั้งที่หนึ่งในกลุ่ม The Fab Five อย่าง Bobby ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตที่คล้ายกันกับเธอ เมื่อลูกๆ ถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะพ่อแม่รับไม่ได้ที่ลูกๆ เป็น LGBT และมันก็ซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อพวกเค้าเป็นเพียงเด็กที่ถูกอุปถัมภ์มา มันเลยเป็นการถูกขับไล่ออกจากครอบครัวซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเหมือนไม่มีใครต้องการพวกเค้าเลย
Queer Eye ทำให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพ การเชื่อมต่อเชื่อมโยงกันระหว่างความเป็นเพื่อนมนุษย์ การเห็นอกเห็นใจตัวเองและคนอื่น ความรักในตัวเอง และความอยากพัฒนาให้ตัวเองเป็นคนในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นกว่าเดิม และเราอยากให้ทุกคนได้รับพลังบวกเช่นนี้ด้วยกัน
Queer Eye เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ จาก Netflix โดยในรายการจะมีทีม The Fab Five เป็นกูรูเกย์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เกย์หนุ่มที่ว่าก็ได้แก่ Antoni ดูแลเรื่องอาหารการกิน, Tan ดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว, Jonathan ดูแลเรื่องทรงผมและกรูมมิ่ง, Bobby ดูแลเรื่องดีไซน์การตกแต่งบ้าน และ Karamo ดูแลเรื่องการปรับวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต
ถึงแม้ว่ารายการจะเน้นภาพ “ความเป็นเกย์” ของ 5 เกย์หนุ่มที่ได้ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ชายหญิงหลากหลายคน แต่ Queer Eye ก็นำเสนอความหลากหลายทางเพศ ที่ไม่ได้มีแค่ “เกย์” เอาไว้ในรายการซั่น 2 และซีซั่น 3 ด้วย โดยเฉพาะ 2 EP สำคัญที่เราอยากจะพูดถึงต่อไปนี้
เริ่มจากตอนที่ชื่อว่า "Sky's the Limit" ในซีซั่น 2 ของแขกรับเชิญหนุ่มข้ามเพศที่ชื่อว่า Skyler ซึ่งเปิดรายการด้วยคลิปสั้นๆ อันเป็นช่วงเวลาที่ Skyler ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาหน้าอกออก และโมเมนต์แสนซาบซึ้งเมื่อเค้าได้ก้มมองดูหน้าอกของตัวเองและร้องไห้ออกมา และใน EP นี้นี่เองที่ 5 เกย์หนุ่ม The Fab Five ได้เป็นตัวแทนของผู้ชมและคนวงนอก เข้าไปทำความรู้จักกับเส้นทางการก้าวข้ามเพศของชาวทรานส์ และมันช่างเป็นเรื่องงดามเหลือเกินที่ได้เห็นชาว LGBT โอบกอดส่งพลังบวกให้กันและกัน หรือแม้แต่การที่หนึ่งในพิธีกรยอมรับตามตรงว่า ต่อให้พวกเค้าเป็นเกย์ แต่การทำความเข้าใจคนข้ามเพศ หรือชาวทรานส์นั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องเปิดใจเช่นกัน
ส่วนในซีซั่น 3 ก็มีตอน "Black Girl Magic" ของ Jess แขกรับเชิญสาวเลสเบี้ยนผิวสีที่ถูกครอบครัวเตะออกจากบ้านทันทีที่รู้ว่าเธอเป็นเลสฯ ทำให้เธอโดดเดี่ยว และไม่เคยรู้สึกถึงการมีอยู่ของครอบครัว เป็นอีกครั้งที่หนึ่งในกลุ่ม The Fab Five อย่าง Bobby ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตที่คล้ายกันกับเธอ เมื่อลูกๆ ถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะพ่อแม่รับไม่ได้ที่ลูกๆ เป็น LGBT และมันก็ซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อพวกเค้าเป็นเพียงเด็กที่ถูกอุปถัมภ์มา มันเลยเป็นการถูกขับไล่ออกจากครอบครัวซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเหมือนไม่มีใครต้องการพวกเค้าเลย
Queer Eye ทำให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพ การเชื่อมต่อเชื่อมโยงกันระหว่างความเป็นเพื่อนมนุษย์ การเห็นอกเห็นใจตัวเองและคนอื่น ความรักในตัวเอง และความอยากพัฒนาให้ตัวเองเป็นคนในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นกว่าเดิม และเราอยากให้ทุกคนได้รับพลังบวกเช่นนี้ด้วยกัน
