By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
การกลับมาของ Queer Eye ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด พลังบวกที่ส่งกันไปมา การก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากจากโควิด-19 การสนับสนุนกันและกัน การเปิดรับความแตกต่างหลากหลาย การมองเห็นคุณค่าในตัวเองและคนรอบข้าง มันทำให้เราพร้อมจะก้าวเดินต่อไปในปีนี้ (ที่อาจจะยากลำบากไม่ต่างจากปีที่แล้ว) ได้อย่างมีความหวังและมีพลังบวกมากขึ้น แน่นอน น้ำตาไหลอาบหน้ากันไปทุก EP เลยจ้า!

เกริ่นนำกันสักนิด สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก Queer Eye มาก่อน นี่เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ของ #Netflix ที่มีทีม Fab Five เป็นกูรูเควียร์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เควียร์ (4 เกย์หนุ่ม + 1 นอน-ไบนารี่) ที่ว่าก็ได้แก่ Antoni ดูแลเรื่องอาหารการกิน, Tan ดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว, Jonathan ดูแลเรื่องทรงผมและกรูมมิ่ง, Bobby ดูแลเรื่องดีไซน์การตกแต่งบ้าน และ Karamo ดูแลเรื่องการปรับวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต

สำหรับซีซั่น 6 นี้ แก๊ง Fab Five ได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อช่วยเหลือและแปลงโฉมแขกรับเชิญหลากหลาย ซึ่งขอปรบมือให้กับการคัดเลือกคนมาร่วมรายการในซีซั่นนี้มาก ทั้งๆ ที่เราเคยคิดว่ามันคงไม่มีอะไรแปลกใหม่อีกต่อไปแล้ว แต่เรื่องราวและเสน่ห์ของแขกรับเชิญ ที่ถูกเรียกว่า “Hero” นั้นทำให้เราน้ำตาแตกได้ทุกทีไปสิน่า โดย EP ที่เราชอบมากๆ ก็ได้ คุณแม่วัยชราที่ยังแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดและไม่ลงรอยกับลูกสาว ซึ่งพอถ่ายทำรายการจบ อเมริกาก็เผชิญหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนต้องพักกองไป 1 ปีเต็ม แล้วพวกเค้าก็ตัดสินใจกลับไปเยี่ยมครอบครัวนี้กันอีกครั้งใน 1 ปีถัดมา เพื่อพบความเปลี่ยนแปลง, Angel ทรานส์เจนเดอร์สาวน้อยวัย 22 (ผู้มีแฟนเป็นผู้หญิง) ที่ได้ค้นพบตัวเองในมิติใหม่ๆ ในรายการ รวมถึงการประสานรอยร้าวกับคุณพ่อที่ไม่เข้าใจว่า ลูกชายของตัวเองจะกลายเป็นผู้หญิงได้ยังไง น้ำตาแตกไปตลอด EP เลยเรา!



และยังมีเรื่องของกลุ่มเด็กนักเรียนไฮสกูลที่พยายามจัดงานพรอมเพื่อเป็นความทรงจำที่ดี หลังจากต้องเรียนแบบออนไลน์มาตลอดทั้งปี น้องๆ น่ารักมากจริงๆ,  คุณพ่อวัยชราที่ยังเก็บทุกอย่างในร้านอาหารให้เหมือนเดิม เหมือนในวันที่เค้าและภรรยายังอยู่ด้วยกัน แม้เธอจะจากไปแล้วเป็น 10 ปี, หญิงผิวดำที่มุ่งมั่นจนได้เปิดศูนย์ตรวจโควิด-19 แต่เธอไม่มีเวลาให้กับตัวเองเลยน่ะสิ, ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ทำงาน NGO เพื่อดูแลคนไร้บ้าน และเช่นกัน เค้าก็ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยแม้แต่น้อย และหญิงสาวเชื้อสายเอเชียเจ้าของร้านเบเกอรี่ที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย ทั้งวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งกระทบต่อร้านและกระแสความเกลียดชังคนเอเชียที่ทำร้ายจิตใจเธอจนต้องร้องไห้



การอยากจะเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น และส่งพลังบวกไปหาทุกคนรอบตัว จริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่เราได้รับจากทุกซีซั่นของ Queer Eye นั่นแหละ แต่ถึงเวลาจริงมันก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง พอได้ดูอะไรแบบนี้ทุกปีมันก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองในช่วงหนึ่งของปี ส่วนจะทำได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที เป้าหมายในปีนี้ของเราจาก Queer Eye ก็คือ การเป็นผู้รับฟังที่ดี โอบกอด และต้อนรับทุกคนให้เข้ามาในชีวิตด้วยพลังบวก ... ก็หวังว่าจะทำได้ไปนานๆ นะ .

รับชม Queer Eye ทุกซีซั่นได้ทาง Netflix