By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ถือเป็นความน่าสนใจมากเลยนะ หลังจากได้เห็นการสานต่อความสำเร็จของ Queer Eye เวอร์ชั่นรีบูตใหม่ของอเมริกา ที่มีมาแล้วถึง 6 ซีซั่น ไปสู่ Queer Eye: Germany ที่เราเคยเขียนถึงไปแล้ว ล่าสุดก็มี Queer Eye: Brazil ตามมาติดๆ จนแอบหวังไม่ได้ว่า จะมีเวอร์ชั่นไทยแลนด์ให้ดูในสักวัน

ขอเล่าเกริ่นนำ สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก Queer Eye มาก่อน นี่เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ของ #Netflix ที่มีทีม Fab Five เป็นกูรูเควียร์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เควียร์ในเวอร์ชั่นบราซิลนี้ก็เก๋มาก เพราะประกอบไปด้วย Luca หนุ่มทรานส์ที่เต็มไปด้วยพลังบวก ผู้รับหน้าที่ไลฟ์โค้ชดูแลสุขภาพจิตสุขภาพใจและการใช้ชีวิตของแขกรับเชิญ, Yohan เกย์หนุ่มเครางามที่จะดูแลเรื่องการแต่งหน้าและทรงผม, Guto เกย์หนุ่มมาดสุขุมที่รับผิดชอบเรื่องดีไซน์ตกแต่งบ้าน, Rica เกย์สาวอารมณ์ดีรับตำแหน่งดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว และ Fred คุณหมอเกย์หนุ่มผิวดำที่จะดูแลทั้งเรื่องสุขภาพและโภชนาการการกินให้ถูกหลัก

ก็ต้องบอกว่า แก๊ง Fab Five ของแต่ละประเทศนั้นมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปทั้งหมดเลย แล้วเราก็จะได้พบว่าผู้คน วิถีชีวิต ความคิดความอ่าน ทัศนคติ ไปจนถึงการปฏิสัมพันธ์กันของผู้คนในแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน ซึ่งมันทำให้การดู Queer Eye: Brazil เราได้เรียนรู้ชาวบราซิลไปด้วยพร้อมกัน (แน่นอน นี่เป็นประเทศที่ผู้คนเต้นรำกันได้สนุกสนานจริงๆ แต่มันก็มีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ) และในขณะที่เราคิดว่าที่นี่น่าจะเปิดกว้างเปิดรับชาว LGBTQ+ ได้ง่ายๆ ทว่าในความเป็นจริงไม่ได้เช่นนั้น โดยเฉพาะ EP ที่แขกรับเชิญเป็นคุณแม่ผู้มีลูกชายทรานส์ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศจากหญิงไปเป็นชาย ซึ่งถือเป็น EP ที่เปิดเผยให้ผู้ชมได้รับรู้ว่า Luca สมาชิกของ Fab Five ที่เราเข้าใจว่าเป็นเกย์หนุ่มมาตลอด แท้จริงแล้ว เค้าเป็นผู้ชายข้ามเพศต่างหาก และเค้าก็มอบข้อมูลน่าสะพรึงให้ทราบว่า การเป็นคนข้ามเพศในบราซิลนั้นอันตรายและไม่ปลอดภัยมาก เพราะพวกเค้ามักจะถูกทำร้ายหรือฆาตกรรมด้วยความเกลียดชัง



ถึงจะเป็นการเปิดประเดิมซีซั่นแรกของ Queer Eye: Brazil แต่โจทย์ที่แก๊ง Fab Five บราซิลได้รับนั้นไม่ง่ายเลย ทั้งหญิงม่ายหย่าผัวที่ลืมวิธีดูแลตัวเองไปแล้ว และติดนิสัยเสียต่างๆ ไว้เยอะแยะเต็มไปหมด (ใครๆ ก็รู้ว่าการแก้นิสัยและความเคยชินนั้นยากกว่าการจับเมคโอเวอร์แค่ไหน), พ่อม่ายลูกสองที่เสียภรรยาไปจากโรคมะเร็ง ในความแข็งแกร่งที่ต้องดูแลลูกๆ กลับเต็มไปด้วยความอ่อนไหวและความคิดถึงที่มีต่อภรรยาของเค้าเสมอ (น้ำตาแตกไปเลยจ้า), คุณแม่ที่เกาะติดกับลูกชายข้ามเพศ เพื่อปกป้องดูแลเค้า แม้ว่าลูกจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม (เป็น EP ที่ดีมาก ในการสื่อสารเรื่องความสำคัญของรักความเข้าใจที่ครอบครัวควรมีต่อลูกๆ LGBTQ+), ช่างทำเล็บที่ติดนิสัยใช้เงินมือเติบจนเป็นหนี้เป็นสิน และชีวิตใกล้พังทลาย), คุณลุงชาวสวนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับการงาน และไม่เคยรู้จักชาว LGBTQ+ มาก่อน, ชายหนุ่มที่สร้างกำแพงปฏิเสธมนุษย์ แล้วหันไปคลุกคลีวุ่นวายอยู่กับสัตว์นานาชนิดที่รับมาเลี้ยงไว้ในบ้าน

ถึงจุดนี้ เราไม่รู้หรอกว่า หลังจากแก๊ง Fab Five แยกย้ายโบกมือลาแขกรับเชิญมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่คุณลุงคุณป้าเหล่านั้นจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำบ้านรก กินอาหารแย่ๆ หรือทำตัวแย่ๆ เหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่พวกเค้าคิดถึง Fab Five และ Queer Eye พวกเค้าก็อาจจะอยากทำตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอย เป็นคนที่ดีขึ้นอีกสักนิด ปรับตัวเองอีกสักหน่อย เหมือนกับเรา ที่ทุกครั้งที่เปิดดู Queer Eye (ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหนก็ตาม) เราก็ถูกเตือนสติว่า เฮ้ย ใจดีกับคนอื่นๆ รอบข้างขึ้นอีกหน่อย เป็นผู้รับฟังที่ดีบ้าง ใช้ชีวิตให้ดีขึ้นหน่อยสิ ... อย่างน้อยๆ เราก็ทำเช่นนี้ได้อีกสักพัก ก่อนจะกลับไปเป็นคนแย่ๆ เหมือนเดิม แต่มันก็ดีกว่าทำตัวแย่ไปเรื่อยๆ ตลอดเวลานี่นา

ดู Queer Eye: Brazil ได้ที่ Netflix