By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ใช้เวลาประมาณ 3 EP เราถึงจะลบอคติและหยุดการเอาแต่คอยเปรียบเทียบแก๊ง Fab Five เวอร์ชั่นเยอรมันกับเวอร์ชั่นอเมริกันได้ เพราะถึงแม้จะมีโครงสร้างของรายการเหมือนกัน มีการวางความถนัดและทักษะของสมาชิกแต่ละคนให้เหมือนกันราวกับเป็นสูตรสำเร็จ แต่แก๊ง Fab Five ทั้งสองทีมก็มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่สำคัญคือเราได้รับแรงบันดาลใจผ่านเรื่องราวของแขกรับเชิญในแต่ละ EP และได้รับพลังบวกจากสมาชิก Fab Five เหมือนๆ กันต่างหาก นี่สิที่สำคัญจริงๆ

แล้วก็ต้องเกริ่นนำกันเหมือนเดิม สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก Queer Eye มาก่อน นี่เป็นรายการเรียลิตี้สไตล์เมคโอเวอร์ของ #Netflix ที่มีทีม Fab Five เป็นกูรูเควียร์ผู้รอบรู้ในหลากหลายด้านมาคอยดูแลปรับเปลี่ยนปรุงโฉมให้แขกรับเชิญได้พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่ง 5 เควียร์ในเวอร์ชั่นเยอรมันนี้ ก็ประกอบไปด้วย Leni นอน-ไบนารี่ผมยาวสีม่วงงดงาม ผู้เป็นไลฟ์โค้ชของรายการ, Avi นอน-ไบนารี่ที่มักจะเลือกสวมใส่กระโปรงกรุยกราย ซึ่งขัดแย้งกับรอยสักเต็มตัวและใบหน้า ผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องการแต่งหน้าและทำผมให้แขกรับเชิญ, Aljosha เกย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารการกิน ก็จะรับหน้าที่ดูแลสุขภาพและอาหาร, Jan-Henrik เกย์หนุ่มเนี้ยบที่ปรากฏกายในชุดสูทเสมอ จะรับตำแหน่งดูแลเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว และ Ayan เกย์หนุ่มอารมณ์ดีเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดีไซน์ตกแต่งบ้าน

ซีซั่นแรกของ Queer Eye: Germany มีเพียง 5 ตอน แต่ก็เลือกแขกรับเชิญได้แตกต่างหลากหลายดีจริงๆ แม้บางคนจะซ้ำทางกับเวอร์ชั่นอเมริกันจนเราแอบเดาทางได้อยู่บ้าง แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีชีวิตใครจะเหมือนกับใครได้หรอก สุดท้าย พวกเค้าก็มีปัญหาในชีวิต มีเรื่องที่ต้องเอาชนะ และได้เรียนรู้แตกต่างกันไป แน่นอน เราหมายถึงตัวเราเองด้วยที่ได้เรียนรู้อะไรจากพวกเค้ามากมาย ทั้งคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มักจะตั้งคำถามเสมอว่า เค้าดูแลลูกชายได้ดีที่สุดแล้วหรือยัง, คุณแม่ลูกสองที่พ่ายแพ้ให้กับชีวิตมะรุมมะตุ้มทั้งงานประจำและงานบ้าน จนในที่สุดก็เลิกดูแลตัวเอง พร้อมๆ กับเลิกส่องกระจก เพราะไม่อยากเห็นตัวเองที่แตกต่างไปจากเดิม, โค้ชทีมฟุตบอลที่กำลังตัดสินใจจะเปิดตัวกับพ่อแม่และที่ทำงานว่า “ผมเป็นเกย์”, สาวน้อยวัย 18 ที่สูญเสียสมาชิกทุกคนในบ้านไปจากโรคร้าย และมีเพียงเธอคนเดียวที่รอดชีวิต แล้วพยายามใช้ชีวิตต่อไปด้วยพลังบวก, หนุ่มร่างใหญ่ที่เพิ่งผ่านมรสุมลูกใหญ่ หลังจากหย่าร้าง และป่วยด้วยโรคซึมเศร้า

เห็นเลยว่า แขกรับเชิญแต่ละคนมาด้วยเรื่องหนักหนาสาหัส แต่พลังบวกจากทีม Fab Five ก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้จริงๆ ชอบมากๆ ด้วยที่กิจกรรมแบบฝึกหัดแต่ละอันของ Leni มันดูเอาไปใช้ในชีวิตได้จริง และดูมีพื้นฐานจากการบำบัดทางจิตวิทยาจริงๆ แล้ววิธีพูดคุยของ Avi มันก็ทำให้เรารู้สึกสบายอกสบายใจจนอยากไปนอนให้เธอสระผมเล่น ตัดผมเล่นดูสักทีจังเลย แน่นอน สองหนุ่มหล่อล่ำอย่าง Aljosha กับ Ayan มันทำให้รายการน่าดูน่าชมมากขึ้นด้วย ส่วน Jan-Henrik นั้น นอกจากเราจะมีปัญหากับลุคชุดสูทของเค้าแล้ว เรายังไม่รู้สึกว่าเค้าช่วยเปลี่ยนลุคของแขกรับเชิญได้ดีสักเท่าไหร่ เอ๊ะ หรือแฟชั่นแบบเยอรมันมันต้องแบบนี้!?

หลากหลายเรื่องราวใน Queer Eye: Germany ทำให้เราอยากจะใช้ชีวิตต่อไปในแบบที่ดีที่สุด รักตัวเองให้มากขึ้นในทุกๆ มิติ สร้างสมดุลให้กับชีวิตตัวเอง ดูแลตัวเองเป็นการขอบคุณร่างกายและจิตใจ ไปจนถึงโอบกอดตัวเองที่ทำได้ดีจนถึงวันนี้ เออ ก็ไม่มีแก๊ง Fab Five ที่ไหนมาส่งพลังบวกให้ตัวเรานี่นา เราก็ต้องส่งพลังบวกให้ตัวเองแบบนี้แหละ!!

รับชม Queer Eye: Germany ได้ทาง Netflix