- @TOM NEWS
- Apr 2017
GAY OK BANGKOK SEASON 2 EP 4 “สุดท้ายก็เป็นหมา” (2017)
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ดูเหมือนจะเป็น EP ที่ชูเส้นเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนสาว “สตางค์” และ “เจ้นุ้ย” เป็นหลัก ซึ่งฝ่ายหนึ่งนั้นรักๆ เลิกๆ กับแฟนคนเดิมมาเป็นร้อยรอบ แต่ก็สลัดตัวเองไม่หลุดจากวงเวียนชีวิตนี้เสียที ส่วนอีกฝ่ายก็มีปมในใจเรื่องความรักความสัมพันธ์ซุกซ่อนอยู่เช่นกัน ซึ่งกลายเป็นว่า ประเด็นเล็กๆ ที่ GAY OK BANGKOK หยิบมาเล่นนี้แตะโดนใจเกย์ไทยอีกหลายๆ คนมาก แต่ละฉากที่สตางค์และนุ้ยปรากฏตัวขึ้นเต็มไปด้วยความคมทั้งอารมณ์และบทสนทนา ก็ต้องชื่นชมสองนักแสดง “นุ่น ศิรพันธ์” และ “เจนนี่ ปาหนัน” ด้วย ฝ่ายแรกนั้นสร้างตัวละครเจ้ผู้อ่อนแอเพราะความรักได้แตกต่างจากพวกนางเอกซีรี่ส์หรือนางเอก MV ได้ดีมาก ส่วนฝ่ายหลังนั้นก็ทำให้เราต้องมองเพื่อนผู้สร้างเสียงหัวเราะในกลุ่มในมุมใหม่ เช่นเดียวกับการเป็นเพื่อนผู้เข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเอาตัวเองรอดในความสัมพันธ์ น่าแปลกใจที่เรานั่งน้ำตาไหลกับความสัมพันธ์ของเพื่อนรักต่างวัยคู่นี้ตั้งแต่ช่วงกลาง EP ไปจนถึงฉากสุดท้าย ... แต่เอาเข้าจริงก็ไม่แปลกหรอก เก้งกวางอย่างเราๆ มักจะอ่อนไหวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนสาวเช่นนี้มาทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ
แอบเริ่มรู้สึกว่า บางทีการมีตัวละครและเส้นเรื่องให้ต้องเล่าไปพร้อมกันมากขนาดนี้ มันอาจจะทำให้บางพาร์ตดูอ่อนเบาลง แม้เรื่องจะคืบหน้าไป แต่กลับไม่หนักแน่นพอให้จดจำ อย่างความสัมพันธ์ของ “นัท” กับ “เนส” พ่วงด้วย “คามิน” ก็น่าจะขยี้ได้มากกว่านี้ เพราะ EP ที่แล้วมันมาเต็มขนาดนั้นแล้วน่ะนะ หรือ “อ๊อฟ” กับ “บิ๊ก” ที่เริ่มทดลองเปิดรับอะไรใหม่ๆ ในความสัมพันธ์ แม้ฉากบนเตียงจะดีมาก และบทสนทนาหลังจากนั้นก็จริงจังชวนคิดมาก แต่มันก็ขยี้ได้อีกเช่นกัน
หากจะมีใครที่ฆ่าไม่ตาย ไม่หายไปไหน ก็ต้องเป็น “อาร์ม” ที่ซีซั่นนี้เราเริ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอแพ้พ่ายของตัวละครมากขึ้นทุกที ในความมั่นหน้ามั่นใจน่าหมั่นไส้ อาร์มถูกทุบทำลายเกราะภายนอกลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า (โน้ตตรงนี้ว่า ชอบตัวละคร “พี่เบียร์” มาก ... นี่แหละคนเล่นเกมส์เป็นจริงๆ!) รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บทใส่เข้ามาแบบไม่ได้ให้ซีนเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน มันทำให้เราได้เห็นอาร์มในความเป็นมนุษย์ชัดขึ้นเรื่อยๆ (โดยเฉพาะฉากที่คุยกับสตางค์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของตัวละครหยุ่บหยั่บเต็มไปหมด ... หากจะตั้งใจฟัง) ชอบเคมีระหว่างอาร์มกับ “ราม” มาก มันทำให้เราได้คิดว่า เราชอบความวูบไหว อ่อนหวาน และชุ่มชื่นหัวใจที่มันเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของความสัมพันธ์มากแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป ความไม่ชัดเจนก็จะกลายเป็นกับดักที่ทำให้เราดิ้นไปไหนไม่ได้เสียที
แม้จะจบ EP ลงด้วยข่าวร้ายและเค้าลางดราม่าของหลากหลายตัวละคร แต่มันก็เต็มไปด้วยมวลของความหวังและกำลังใจจากผองเพื่อนตัวละครที่มอบให้กัน และคงต้องโน้ตไว้ตรงนี้อีกทีว่า ฉากที่มีใครสักคนโทรมาบอกข่าวร้ายแบบในตัวละคร ... ทำให้คิดถึงวันที่เราได้รับโทรศัพท์บอกว่า พ่อตายแล้ว ในตอนที่เราอยู่กับเพื่อนๆ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ...
ดูเหมือนจะเป็น EP ที่ชูเส้นเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนสาว “สตางค์” และ “เจ้นุ้ย” เป็นหลัก ซึ่งฝ่ายหนึ่งนั้นรักๆ เลิกๆ กับแฟนคนเดิมมาเป็นร้อยรอบ แต่ก็สลัดตัวเองไม่หลุดจากวงเวียนชีวิตนี้เสียที ส่วนอีกฝ่ายก็มีปมในใจเรื่องความรักความสัมพันธ์ซุกซ่อนอยู่เช่นกัน ซึ่งกลายเป็นว่า ประเด็นเล็กๆ ที่ GAY OK BANGKOK หยิบมาเล่นนี้แตะโดนใจเกย์ไทยอีกหลายๆ คนมาก แต่ละฉากที่สตางค์และนุ้ยปรากฏตัวขึ้นเต็มไปด้วยความคมทั้งอารมณ์และบทสนทนา ก็ต้องชื่นชมสองนักแสดง “นุ่น ศิรพันธ์” และ “เจนนี่ ปาหนัน” ด้วย ฝ่ายแรกนั้นสร้างตัวละครเจ้ผู้อ่อนแอเพราะความรักได้แตกต่างจากพวกนางเอกซีรี่ส์หรือนางเอก MV ได้ดีมาก ส่วนฝ่ายหลังนั้นก็ทำให้เราต้องมองเพื่อนผู้สร้างเสียงหัวเราะในกลุ่มในมุมใหม่ เช่นเดียวกับการเป็นเพื่อนผู้เข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเอาตัวเองรอดในความสัมพันธ์ น่าแปลกใจที่เรานั่งน้ำตาไหลกับความสัมพันธ์ของเพื่อนรักต่างวัยคู่นี้ตั้งแต่ช่วงกลาง EP ไปจนถึงฉากสุดท้าย ... แต่เอาเข้าจริงก็ไม่แปลกหรอก เก้งกวางอย่างเราๆ มักจะอ่อนไหวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนสาวเช่นนี้มาทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ
แอบเริ่มรู้สึกว่า บางทีการมีตัวละครและเส้นเรื่องให้ต้องเล่าไปพร้อมกันมากขนาดนี้ มันอาจจะทำให้บางพาร์ตดูอ่อนเบาลง แม้เรื่องจะคืบหน้าไป แต่กลับไม่หนักแน่นพอให้จดจำ อย่างความสัมพันธ์ของ “นัท” กับ “เนส” พ่วงด้วย “คามิน” ก็น่าจะขยี้ได้มากกว่านี้ เพราะ EP ที่แล้วมันมาเต็มขนาดนั้นแล้วน่ะนะ หรือ “อ๊อฟ” กับ “บิ๊ก” ที่เริ่มทดลองเปิดรับอะไรใหม่ๆ ในความสัมพันธ์ แม้ฉากบนเตียงจะดีมาก และบทสนทนาหลังจากนั้นก็จริงจังชวนคิดมาก แต่มันก็ขยี้ได้อีกเช่นกัน
หากจะมีใครที่ฆ่าไม่ตาย ไม่หายไปไหน ก็ต้องเป็น “อาร์ม” ที่ซีซั่นนี้เราเริ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอแพ้พ่ายของตัวละครมากขึ้นทุกที ในความมั่นหน้ามั่นใจน่าหมั่นไส้ อาร์มถูกทุบทำลายเกราะภายนอกลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า (โน้ตตรงนี้ว่า ชอบตัวละคร “พี่เบียร์” มาก ... นี่แหละคนเล่นเกมส์เป็นจริงๆ!) รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บทใส่เข้ามาแบบไม่ได้ให้ซีนเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน มันทำให้เราได้เห็นอาร์มในความเป็นมนุษย์ชัดขึ้นเรื่อยๆ (โดยเฉพาะฉากที่คุยกับสตางค์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของตัวละครหยุ่บหยั่บเต็มไปหมด ... หากจะตั้งใจฟัง) ชอบเคมีระหว่างอาร์มกับ “ราม” มาก มันทำให้เราได้คิดว่า เราชอบความวูบไหว อ่อนหวาน และชุ่มชื่นหัวใจที่มันเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของความสัมพันธ์มากแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป ความไม่ชัดเจนก็จะกลายเป็นกับดักที่ทำให้เราดิ้นไปไหนไม่ได้เสียที
แม้จะจบ EP ลงด้วยข่าวร้ายและเค้าลางดราม่าของหลากหลายตัวละคร แต่มันก็เต็มไปด้วยมวลของความหวังและกำลังใจจากผองเพื่อนตัวละครที่มอบให้กัน และคงต้องโน้ตไว้ตรงนี้อีกทีว่า ฉากที่มีใครสักคนโทรมาบอกข่าวร้ายแบบในตัวละคร ... ทำให้คิดถึงวันที่เราได้รับโทรศัพท์บอกว่า พ่อตายแล้ว ในตอนที่เราอยู่กับเพื่อนๆ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ...