By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
หนังตลกห่ามๆ จัดหนักมุกติดเรตของแก๊งผู้หญิงเป็นอะไรที่เข้าทางเราอยู่แล้ว แต่พอ Joy Ride หยิบเอาความเป็นผู้หญิงเอเชีย (หรือเอเชีย-อเมริกัน) มาชูมาขยี้ มันก็กลายเป็นอะไรที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าจะมีมุกที่แป้กบ้าง ฮาบ้าง แต่รวมๆ แล้วเรารักตัวหนังมาก ทั้งพาร์ตตลกบ้าบอคอแตก มุกต่ำตมใต้สะดือ พาร์ตส่งเสริมพลังหญิง พาร์ตจิกกัด - สั่งสอนสังคม ไปถึงพาร์ตดราม่าครอบครัว - มิตรภาพความเป็นเพื่อน ชอบหมดเลย!

เรื่องราวของ Audrey หญิงสาวเชื้อสายจีนที่ถูกรับมาเลี้ยงโดยพ่อแม่ชาวอเมริกัน แล้วรู้สึกว่าตัวเองแปลกที่แปลกทางอยู่ตลอดเวลา แม้วันนี้เธอจะประสบความสำเร็จเป็นทนายแถวหน้าแล้วก็ตาม แต่เป้าหมายต่อไปก็คือการปิดจ๊อบลูกค้าที่ปักกิ่ง เพื่อก้าวสู่การขึ้นเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัที่เธอทำงานอยู่ ทว่าเธอดันสื่อสารภาษาจีนไม่ได้เลย Lolo เพื่อนซี้สาวชาวจีนที่ดูแลปกป้องเธอมาตั้งแต่เด็ก และยังเกาะติดเธอแจจึงเป็นความหวังที่ Audrey จะไหว้วานให้ช่วยเป็นล่ามในทริปนี้ แต่ทริปตะลุยปักกิ่งนี้ยังมี Deadeye ญาติของ Lolo ที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยแบบงงๆ นั่นทำให้ Audrey เปลี่ยนแผนให้ Kat เพื่อนสาวสมัยเรียนมหาลัยที่ตอนนี้กลายเป็นดาราดังมาช่วยอีกแรง แต่ Lolo กับ Kat ก็ดันไม่ถูกกันไปซะอีก แล้วความวายป่วงก็ทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเหตุให้ Audrey ต้องออกตามหาแม่ผู้ให้กำเนิดเพื่อพิชิตภารกิจกอบกู้หน้าที่การงาน แล้ว 4 สาวสุดเพี้ยนจะผจญภัยในดินแดนต่างถิ่นกันไปตลอดรอดฝั่งไหมเนี่ย!?

ชอบปมภายในใจของทุกตัวละครเลย แล้วมันก็ขยี้ประเด็นทางสังคมและสิ่งที่ผู้หญิงเอเชียต้องเจอได้เป็นอย่างดี Audrey กับคำถามว่า ถ้าเธอไม่ได้เติบโตมาในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่แตกต่างจากเธอแบบที่ผ่านมา เธอจะต้องพิสูจน์ตัวเองอะไรเยอะแยะแบบนี้ไหม มันก็เชื่อมโยงกับความเป็นเกย์ของตัวเราได้เช่นกัน คำถามที่เรามีเสมอในใจก็คือทำไมการเป็นเด็กเกย์จะต้องพยายามไขว้คว้าความสำเร็จอะไรมากมายเพื่อชดเชยความแตกต่างด้วยล่ะ, Kat กับการติดอยู่ในกรอบของผู้หญิงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งที่จริงโชกโชนเรื่องเพศเหลือคณา แล้วอดีตที่ผ่านมาก็กลายเป็นมีดที่กรีดแทงเธอ, Deadeye กับความรู้สึกแปลกแยกแตกต่าง เพราะไม่เข้ากับกรอบอะไรเลย ไปจนถึงความรู้สึกไร้เพื่อน และโหยหามิตรภาพก็ทัชใจได้ไม่ยาก ส่วน Lolo การพูดถึงความงดงามของเซ็กส์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ความงดงามของเรือนร่างและเครื่องเพศอย่างตรงไปตรงมาก็ถูกอกถูกใจเรามาก



ทีแรกก็แอบยี๊ว่า อุตส่าห์จะพูดถึงความแตกต่างหลากหลายของชาวเอเชียจากมุมมองของผู้กำกับและทีมเขียนบทเลือดเอเชียเองแท้ๆ ทำไมถึงให้นักแสดงเชื้อสายเกาหลีอย่าง Ashley Park (ผู้โด่งดังจากบทเพื่อนซี้ของ Emily ในซีรีส์ Emily in Paris) มาเล่นเป็นหญิงสาวเชื้อสาวจีน แล้วต้องออกตามหาแม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่พอถึงจุดพลิกผันกลางเรื่อง มันกลายเป็นความชาญฉลาดไปเฉยเลย แล้วการปรากฏตัวของ Daniel Dae Kim ในบทอบอุ่นฮีลใจในช่วงท้ายก็ดีงามมาก

อีกประเด็นที่เราชอบมากเกี่ยวกับการใช้นักแสดงให้เป็นประโยชน์คือ การเลือก Sabrina Wu คอมเมเดี้ยนผู้ประกาศตัวว่าเป็นนอนไบนารี มารับบทเป็น Deadeye แล้วสร้างความคลุมเครือให้กับรสนิยมทางเพศของตัวละคร คือในขณะที่ตัวละครอื่นๆ ไปสุดมากเรื่องผู้ชายและเซ็กส์ ตัวละครอย่าง Deadeye กลับไม่ไปแตะอะไรแบบนั้นเลย (ไหนจะโมเมนต์ที่ตัวละครนี้มีต่อ Audrey อีกล่ะ) คือในฐานะที่เรารู้จัก Sabrina Wu มาก่อนดู เราก็เลยตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าตัวละครนี้ไปทางไหนกันนะ แล้วพอมันเป็นแบบนี้ เราก็แฮปปี้มาก แล้วก็ขอโน้ตไว้ตรงนี้ด้วยว่า อันที่จริง Stephanie Hsu นักแสดงสาวผู้โด่งดังจากการได้ชิงออสการ์จาก Everything Everywhere All at Once และรับบท Kat ในหนังเรื่องนี้ ก็เคยประกาศว่าตัวเองเป็นสมาชิก LGBTQ+ ส่วน Sherry Cola ผู้รับบท Lolo ก็ประกาศตัวว่าเป็นไบเซ็กช่วล เพราะฉะนั้น ในความเป็นหนังพลังหญิง Joy Ride ก็มีความเป็นหนังของชาว LGBTQ+ อยู่มากเหมือนกัน!