- @TOM NEWS
- May-Jun 2021
ซีรี่ส์น่าดู Halston แฟชั่น เซ็กส์ ปาร์ตี้ ยาเสพติด และเอชไอวี
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
เส้นทางชีวิตแสนผันผวนของ Halston หรือ Roy Halston Frowick ดีไซเนอร์ผู้สร้างปรากฏการณ์ให้วงการแฟชั่นอเมริกันมายาวนานตั้งแต่ยุค ‘60 – ’80 ถูกนำมาบอกเล่าผ่านมินิซีรี่ส์ 5 ตอนจบจาก Netflix และด้วยการแสดงระดับเทพของ Ewan McGregor ก็ทำให้เราเชื่อกับทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวละคร Halston ในซีรี่ส์ ชอบมากด้วยแหละที่มันเลือกใช้แค่บางพาร์ตของชีวิตอันแสนผันผวนวางทาบคู่กับผลงานชิ้นสำคัญๆ ของ Halston ไล่เรียงมาตั้งแต่ “Becoming Halston” จากนักออกแบบหมวกที่โด่งดังเพราะ Jackie Kennedy เลือกใช้ สู่การสร้างแบรนด์ของตัวเอง และพบเจอกับมิวส์ของเขาอย่าง Liza Minnelli, “Versailles” ช่วงเวลาของการทำโชว์เพื่อประกาศศักดาของดีไซเนอร์อเมริกันที่พระราชวังแวร์ซาย และเพราะภาวะสติแตกนี่เองที่ทำให้เขาตัดสินใจเซ็นสัญญาให้ Halston กลายเป็นแบรนด์สุดแมส, “The Sweet Smell of Success” จุดกำเนิดน้ำหอมของ Halston พร้อมๆ กับที่เขาเริ่มถลำเข้าไปสู่วังวนของปาร์ตี้และโคเคนมากขึ้นเรื่อยๆ, “The Party's Over” เมื่อปาร์ตี้ที่ Studio 54 สิ้นสุดลงพร้อมกับเรื่องฉาวโฉ่ เส้นทางการทำงานของ Halston ก็เริ่มฉายแววย่อยยับเช่นกัน และ “Critics” บทสรุปของเส้นทางการทำงานอันแสนยาวนานของ Halston และบทวิจารณ์ชิ้นสุดท้ายที่เขาได้รับ
ในพล็อตที่เหมือนจะเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกกับชีวิตเกย์คนดังในยุค 80 ทั้งชีวิตครอบครัวที่เต็มไปด้วยบาดแผล, ปมในใจที่ผลักดันให้ประสบความสำเร็จ, ผลงานที่กลายเป็นตำนานของวงการ, ชีวิตรักและเซ็กส์ดุเดือด, วังวนของยาเสพติด และมักจะลงเอยด้วยเอชไอวี ใน Halston ก็มีอะไรพิเศษเป็นของตัวเอง อย่างที่เราพูดเสมอ ต่อให้เรื่องราวมันซ้ำซากเพียงใด แต่รายละเอียดนั้นไม่มีทางเหมือนกัน ชอบความทะเยอทะยานของ Halston มาก แล้วทั้งๆ ที่ตัวเค้านั้นร้ายแสนร้าย แต่เราก็เกลียดเค้าไม่ลง ที่น่าทึ่งก็คือ ตัวซีรี่ส์ก็ไม่ได้พยายามทำให้ Halston เป็นที่รักด้วยการบิลด์ปมในใจหรืออะไรมากมาย นอกจากการฉายให้เห็นความอ่อนแอและความเป็นมนุษย์ในตัวเค้าอยู่เสมอเท่านั้นเอง
จริงๆ ใน 1 – 2 ตอนแรกเราค่อนข้างกังขาในความสามารถหรือที่ซีรี่ส์ใช้คำว่า “พรสวรรค์” ของเขามาก เพราะเราไม่รู้สึกเลยว่าเขาเก่งกาจตรงไหน นอกจากพูดเก่ง โน้มน้าว ขายของ (และขายตัวเอง) เก่ง แล้วผลงานที่เห็นหลายๆ ชิ้นมันก็มาจากความแปลกใหม่ของตัววัสดุหรือผ้าที่เลือกใช้มากกว่า ที่สำคัญแทบทุกชิ้นมันไม่ได้เกิดมาจากเค้าเพียงลำพัง แต่มาจากผู้ช่วย เพื่อน หรือทีมงานที่อยู่รายรอบต่างหาก จนกระทั่งในที่สุด ซีรี่ส์ก็เฉลยว่า ใช่! เราคิดถูกแล้ว ในขณะที่ Halston โอบรับเอาความสำเร็จทั้งหมดไว้กับชื่อแบรนด์และชื่อตัวเอง ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นควรจะต้องให้เครดิตเพื่อนฝูง ทีมงาน และผู้ช่วยของเค้าด้วยต่างหาก และใช่! ไม่ใช่แค่แบรนด์ Halston หรอก เราหมายรวมถึงทุกผลงานของแบรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังนั่นแหละ
ไม่รู้สึกเลยว่า Ewan McGregor กำลังแสดง แต่รู้สึกเหมือนกำลังดูชีวิตจริงของ Halston อะไรอย่างนั้นเลย แล้วนักแสดงรายล้อมก็ดีมาก ชอบ Rebecca Dayan ในบท Elsa Peretti นางแบบ/นักออกแบบเครื่องประดับที่เป็นเพื่อน/ศัตรูของ Halston มาก, Gian Franco Rodriguez ในบท Victor Hugo ก็บ้าคลั่งและเร่าร้อนได้ใจมาก, Vera Farmiga โผล่มาในบทนักออกแบบน้ำหอมแป๊บเดียวก็ดีงาม แบบไม่ต้องเล่นเยอะ นอกจากนี้ ยังตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกของแฟชั่นในยุคนั้น, ความหลุดโลกของ Studio 54 และประเด็นเอชไอวีในยุคเริ่มต้นของการแพร่ระบาดก็ยังสะเทือนใจเราได้เสมอ
ไม่ว่าจะอยากดู Halston ในแง่ของการทำงาน โลกแฟชั่น ชีวิตเกย์ในยุคก่อน หรือดูการเดินทางของมนุษย์คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตพุ่งไปข้างหน้าเพื่อเติมเต็มความแหว่งเว้าข้างในตัวเอง เราก็คิดว่ามันถ่ายทอดทุกรายละเอียดได้ดีทั้งหมด กดค้นหาได้ใน Netflix เลย!
เส้นทางชีวิตแสนผันผวนของ Halston หรือ Roy Halston Frowick ดีไซเนอร์ผู้สร้างปรากฏการณ์ให้วงการแฟชั่นอเมริกันมายาวนานตั้งแต่ยุค ‘60 – ’80 ถูกนำมาบอกเล่าผ่านมินิซีรี่ส์ 5 ตอนจบจาก Netflix และด้วยการแสดงระดับเทพของ Ewan McGregor ก็ทำให้เราเชื่อกับทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวละคร Halston ในซีรี่ส์ ชอบมากด้วยแหละที่มันเลือกใช้แค่บางพาร์ตของชีวิตอันแสนผันผวนวางทาบคู่กับผลงานชิ้นสำคัญๆ ของ Halston ไล่เรียงมาตั้งแต่ “Becoming Halston” จากนักออกแบบหมวกที่โด่งดังเพราะ Jackie Kennedy เลือกใช้ สู่การสร้างแบรนด์ของตัวเอง และพบเจอกับมิวส์ของเขาอย่าง Liza Minnelli, “Versailles” ช่วงเวลาของการทำโชว์เพื่อประกาศศักดาของดีไซเนอร์อเมริกันที่พระราชวังแวร์ซาย และเพราะภาวะสติแตกนี่เองที่ทำให้เขาตัดสินใจเซ็นสัญญาให้ Halston กลายเป็นแบรนด์สุดแมส, “The Sweet Smell of Success” จุดกำเนิดน้ำหอมของ Halston พร้อมๆ กับที่เขาเริ่มถลำเข้าไปสู่วังวนของปาร์ตี้และโคเคนมากขึ้นเรื่อยๆ, “The Party's Over” เมื่อปาร์ตี้ที่ Studio 54 สิ้นสุดลงพร้อมกับเรื่องฉาวโฉ่ เส้นทางการทำงานของ Halston ก็เริ่มฉายแววย่อยยับเช่นกัน และ “Critics” บทสรุปของเส้นทางการทำงานอันแสนยาวนานของ Halston และบทวิจารณ์ชิ้นสุดท้ายที่เขาได้รับ
ในพล็อตที่เหมือนจะเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกกับชีวิตเกย์คนดังในยุค 80 ทั้งชีวิตครอบครัวที่เต็มไปด้วยบาดแผล, ปมในใจที่ผลักดันให้ประสบความสำเร็จ, ผลงานที่กลายเป็นตำนานของวงการ, ชีวิตรักและเซ็กส์ดุเดือด, วังวนของยาเสพติด และมักจะลงเอยด้วยเอชไอวี ใน Halston ก็มีอะไรพิเศษเป็นของตัวเอง อย่างที่เราพูดเสมอ ต่อให้เรื่องราวมันซ้ำซากเพียงใด แต่รายละเอียดนั้นไม่มีทางเหมือนกัน ชอบความทะเยอทะยานของ Halston มาก แล้วทั้งๆ ที่ตัวเค้านั้นร้ายแสนร้าย แต่เราก็เกลียดเค้าไม่ลง ที่น่าทึ่งก็คือ ตัวซีรี่ส์ก็ไม่ได้พยายามทำให้ Halston เป็นที่รักด้วยการบิลด์ปมในใจหรืออะไรมากมาย นอกจากการฉายให้เห็นความอ่อนแอและความเป็นมนุษย์ในตัวเค้าอยู่เสมอเท่านั้นเอง
จริงๆ ใน 1 – 2 ตอนแรกเราค่อนข้างกังขาในความสามารถหรือที่ซีรี่ส์ใช้คำว่า “พรสวรรค์” ของเขามาก เพราะเราไม่รู้สึกเลยว่าเขาเก่งกาจตรงไหน นอกจากพูดเก่ง โน้มน้าว ขายของ (และขายตัวเอง) เก่ง แล้วผลงานที่เห็นหลายๆ ชิ้นมันก็มาจากความแปลกใหม่ของตัววัสดุหรือผ้าที่เลือกใช้มากกว่า ที่สำคัญแทบทุกชิ้นมันไม่ได้เกิดมาจากเค้าเพียงลำพัง แต่มาจากผู้ช่วย เพื่อน หรือทีมงานที่อยู่รายรอบต่างหาก จนกระทั่งในที่สุด ซีรี่ส์ก็เฉลยว่า ใช่! เราคิดถูกแล้ว ในขณะที่ Halston โอบรับเอาความสำเร็จทั้งหมดไว้กับชื่อแบรนด์และชื่อตัวเอง ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นควรจะต้องให้เครดิตเพื่อนฝูง ทีมงาน และผู้ช่วยของเค้าด้วยต่างหาก และใช่! ไม่ใช่แค่แบรนด์ Halston หรอก เราหมายรวมถึงทุกผลงานของแบรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังนั่นแหละ
ไม่รู้สึกเลยว่า Ewan McGregor กำลังแสดง แต่รู้สึกเหมือนกำลังดูชีวิตจริงของ Halston อะไรอย่างนั้นเลย แล้วนักแสดงรายล้อมก็ดีมาก ชอบ Rebecca Dayan ในบท Elsa Peretti นางแบบ/นักออกแบบเครื่องประดับที่เป็นเพื่อน/ศัตรูของ Halston มาก, Gian Franco Rodriguez ในบท Victor Hugo ก็บ้าคลั่งและเร่าร้อนได้ใจมาก, Vera Farmiga โผล่มาในบทนักออกแบบน้ำหอมแป๊บเดียวก็ดีงาม แบบไม่ต้องเล่นเยอะ นอกจากนี้ ยังตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกของแฟชั่นในยุคนั้น, ความหลุดโลกของ Studio 54 และประเด็นเอชไอวีในยุคเริ่มต้นของการแพร่ระบาดก็ยังสะเทือนใจเราได้เสมอ
ไม่ว่าจะอยากดู Halston ในแง่ของการทำงาน โลกแฟชั่น ชีวิตเกย์ในยุคก่อน หรือดูการเดินทางของมนุษย์คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตพุ่งไปข้างหน้าเพื่อเติมเต็มความแหว่งเว้าข้างในตัวเอง เราก็คิดว่ามันถ่ายทอดทุกรายละเอียดได้ดีทั้งหมด กดค้นหาได้ใน Netflix เลย!