- @TOM NEWS
- May 2020
ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค กับภาวะผีดี้เข้าๆ ออกๆ ของตัวละคร
By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
พบว่าตัวเองไม่ได้เกลียดหรือรู้สึกอะไรมากมายกับประเด็นการเหยียดทั้งหลายในหนังอย่างที่คิด ทั้งที่ถูกใครต่อใครโจมตีหนักหนา ทั้งประเด็นเรื่องชนชั้น คนจน/คนรวย การนำเสนอภาพมุกตลกให้ LGBT ลดทอนคุณค่าในตัวเองลง หรือแม้กระทั่งความเป็นทุนนิยมในหนัง แต่เรากลับมีปัญหากับการนำเสนอภาพตัวละครที่ยากจะทำใจให้รักได้ มันทำให้เราไม่อยากเอาใจช่วยพวกเค้าในภารกิจวีรกรรมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น และจนจบเรื่อง เราก็ไม่ได้รู้สึกดีกับพวกเค้าเลย
ทั้งความเกลียดเด็กของ “กัส” ที่แทนที่จะบาลานซ์หรือพูดคุยตรงๆ กับคนรัก กลับเลือกที่จะเฟค และแน่นอน มันรอคอยวันระเบิดออกมาแน่, การคิดถึงแต่ปัญหาของตัวเอง และกดทับคนอื่นของ “กอล์ฟ” ที่เอาแต่กลัวคนอื่นจะล่วงรู้ภารกิจจับ “เจ๊น้ำ” มาปลอมตัวเป็น “เคที่” จนไม่สนใจเลยว่าเจ๊น้ำจะรู้สึกยังไง (และตัวหนังเองก็แทบจะไม่แคร์ความรู้สึกของเจ๊น้ำเลย), ความเปล่ากลวงของ “คิม” ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไร นอกจากเป็นตลกเจ็บตัวเจ็บจมูก และที่สาหัสมากก็คือ ความอยากได้สมบัติจากแม่ของ “แน็ตตี้” จนทำให้เธอพยายามมีลูก ไปจนถึงอาการหน้ามืดอยากจับเพื่อนมาทำผัว ก็ทำให้เรารู้สึกแย่กับภาวะผีดี้เข้าๆ ออกๆ ของเธอมาก จากตัวละครหญิงดี้หนึ่งเดียวของแก๊งตุ๊ด เธอกลายมาเป็นตัวละครแบบนี้ได้อย่างไร
เรามั่นใจว่า กลุ่มทอม ดี้ เลสฯ ส่วนใหญ่จะต้องไม่พอใจกับการเลือกให้ตัวละครอันเป็นที่รักอย่าง "แน็ตตี้" แปรเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ จากมุกตลกที่คุ้นชินกับการหลงทอม เลือกแฟนทอมผิดๆ มาสู่การอยากมีลูก เพราะเชื่อว่า หากเธอมีลูกแล้ว แม่จะยกมรดกให้เธอ ซึ่งมันเป็นตรรกะที่บิดเบี้ยวซ้ำซ้อนมาก แน็ตตี้จ๋า ทำไมเธอไม่คิดว่าการเป็นดี้ก็สามารถมีลูกได้จากการบริจาคสเปิร์มอะไรแบบนั้น แล้วการที่เธอมีอารมณ์ทางเพศกับเพื่อนเกย์หุ่นล่ำอย่างคิมนั่นอีก มันก็ผิดมาก! แล้วทุกสิ่งอย่างก็ผิดไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ พัง!
อันที่จริง การตั้งต้นด้วยภาพแย่ๆ มุมลบๆ ของเหล่าตัวละครในแก๊งนี้มันก็มีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นซีรี่ส์แล้ว เพียงแต่ในซีรี่ส์มันเป็นเรื่องเล็กๆ นำเสนอแบบสั้นๆ วีรกรรมหรือปัญหามันไม่ได้ยืดยาวเวิ้นเวอขนาดนี้ ดังนั้น ในเวลาไม่นานนัก เราก็จะเห็นด้านสว่างสดใสหรือการเปลี่ยนแปลงตัวเองของพวกเค้า จนทำให้เรามองข้ามเรื่องแย่ๆ เรื่องผิดพลาดที่พวกเค้าทำได้ง่ายกว่านี้ และพอเวอร์ชั่นหนังมันไม่ได้เน้นย้ำประเด็นเรื่องมิตรภาพที่พวกเค้าคอยช่วยเหลือกันและกันเสมอ มันก็เลยทำให้เราแทบจะมองไม่เห็นความดีที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวพวกเค้าเลย
ปัญหาใหญ่อีกอย่างสำหรับเราก็คือ เราไม่ตลกกับมุกต่างๆ ในหนังเลย ทั้งๆ ที่เวอร์ชั่นซีรี่ส์หลายๆ มุกมันทำงานกับเราได้ดีมาก ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเราไม่รักและไม่เชื่อในตัวละครหรือเปล่า กระนั้น คุณแฟนที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเป็นวรรคเป็นเวร ก็เลยคิดได้ว่า เรื่องมุกตลกนี่มันเป็นภาษาพิเศษที่ยากจะคาดเดาจริงๆ นั่นแหละ และอาจจะเป็นปัญหาที่ตัวเราเองจริงๆ
ชม ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค ได้ที่ Netflix
พบว่าตัวเองไม่ได้เกลียดหรือรู้สึกอะไรมากมายกับประเด็นการเหยียดทั้งหลายในหนังอย่างที่คิด ทั้งที่ถูกใครต่อใครโจมตีหนักหนา ทั้งประเด็นเรื่องชนชั้น คนจน/คนรวย การนำเสนอภาพมุกตลกให้ LGBT ลดทอนคุณค่าในตัวเองลง หรือแม้กระทั่งความเป็นทุนนิยมในหนัง แต่เรากลับมีปัญหากับการนำเสนอภาพตัวละครที่ยากจะทำใจให้รักได้ มันทำให้เราไม่อยากเอาใจช่วยพวกเค้าในภารกิจวีรกรรมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น และจนจบเรื่อง เราก็ไม่ได้รู้สึกดีกับพวกเค้าเลย
ทั้งความเกลียดเด็กของ “กัส” ที่แทนที่จะบาลานซ์หรือพูดคุยตรงๆ กับคนรัก กลับเลือกที่จะเฟค และแน่นอน มันรอคอยวันระเบิดออกมาแน่, การคิดถึงแต่ปัญหาของตัวเอง และกดทับคนอื่นของ “กอล์ฟ” ที่เอาแต่กลัวคนอื่นจะล่วงรู้ภารกิจจับ “เจ๊น้ำ” มาปลอมตัวเป็น “เคที่” จนไม่สนใจเลยว่าเจ๊น้ำจะรู้สึกยังไง (และตัวหนังเองก็แทบจะไม่แคร์ความรู้สึกของเจ๊น้ำเลย), ความเปล่ากลวงของ “คิม” ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไร นอกจากเป็นตลกเจ็บตัวเจ็บจมูก และที่สาหัสมากก็คือ ความอยากได้สมบัติจากแม่ของ “แน็ตตี้” จนทำให้เธอพยายามมีลูก ไปจนถึงอาการหน้ามืดอยากจับเพื่อนมาทำผัว ก็ทำให้เรารู้สึกแย่กับภาวะผีดี้เข้าๆ ออกๆ ของเธอมาก จากตัวละครหญิงดี้หนึ่งเดียวของแก๊งตุ๊ด เธอกลายมาเป็นตัวละครแบบนี้ได้อย่างไร
เรามั่นใจว่า กลุ่มทอม ดี้ เลสฯ ส่วนใหญ่จะต้องไม่พอใจกับการเลือกให้ตัวละครอันเป็นที่รักอย่าง "แน็ตตี้" แปรเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ จากมุกตลกที่คุ้นชินกับการหลงทอม เลือกแฟนทอมผิดๆ มาสู่การอยากมีลูก เพราะเชื่อว่า หากเธอมีลูกแล้ว แม่จะยกมรดกให้เธอ ซึ่งมันเป็นตรรกะที่บิดเบี้ยวซ้ำซ้อนมาก แน็ตตี้จ๋า ทำไมเธอไม่คิดว่าการเป็นดี้ก็สามารถมีลูกได้จากการบริจาคสเปิร์มอะไรแบบนั้น แล้วการที่เธอมีอารมณ์ทางเพศกับเพื่อนเกย์หุ่นล่ำอย่างคิมนั่นอีก มันก็ผิดมาก! แล้วทุกสิ่งอย่างก็ผิดไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ พัง!
อันที่จริง การตั้งต้นด้วยภาพแย่ๆ มุมลบๆ ของเหล่าตัวละครในแก๊งนี้มันก็มีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นซีรี่ส์แล้ว เพียงแต่ในซีรี่ส์มันเป็นเรื่องเล็กๆ นำเสนอแบบสั้นๆ วีรกรรมหรือปัญหามันไม่ได้ยืดยาวเวิ้นเวอขนาดนี้ ดังนั้น ในเวลาไม่นานนัก เราก็จะเห็นด้านสว่างสดใสหรือการเปลี่ยนแปลงตัวเองของพวกเค้า จนทำให้เรามองข้ามเรื่องแย่ๆ เรื่องผิดพลาดที่พวกเค้าทำได้ง่ายกว่านี้ และพอเวอร์ชั่นหนังมันไม่ได้เน้นย้ำประเด็นเรื่องมิตรภาพที่พวกเค้าคอยช่วยเหลือกันและกันเสมอ มันก็เลยทำให้เราแทบจะมองไม่เห็นความดีที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวพวกเค้าเลย
ปัญหาใหญ่อีกอย่างสำหรับเราก็คือ เราไม่ตลกกับมุกต่างๆ ในหนังเลย ทั้งๆ ที่เวอร์ชั่นซีรี่ส์หลายๆ มุกมันทำงานกับเราได้ดีมาก ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเราไม่รักและไม่เชื่อในตัวละครหรือเปล่า กระนั้น คุณแฟนที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเป็นวรรคเป็นเวร ก็เลยคิดได้ว่า เรื่องมุกตลกนี่มันเป็นภาษาพิเศษที่ยากจะคาดเดาจริงๆ นั่นแหละ และอาจจะเป็นปัญหาที่ตัวเราเองจริงๆ
ชม ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค ได้ที่ Netflix